จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ไปเที่ยวในสหรัฐอเมริกาลดลงครั้งแรกในรอบ 15 ปี ปัจจัยสำคัญมาจากเรื่องของสงครามการค้าที่เริ่มคุกกรุ่นเรื่อยๆ และความสัมพันธ์ 2 ประเทศที่ย่ำแย่ลง
หน่วยงานด้านการท่องเที่ยวในสหรัฐอเมริกา ได้รายงานถึงจำนวนยอดนักท่องเที่ยวชาวจีนที่มาเที่ยวในสหรัฐฯ ช่วงปี 2018 ที่ผ่านมาลดลง 5.7% เหลือเพียง 2.9 ล้านคนเท่านั้น ทำสถิติต่ำสุดในรอบ 15 ปี โดยข้อมูลที่ได้มานั้นมาจากการกรอกเอกสารเข้าเมือง ซึ่งหน่วยงานด้านการท่องเที่ยวเก็บสถิติมาเรื่อยๆ โดยไม่ได้นับรวมกับตัวเลขนักศึกษาจีนที่เข้ามาเรียนต่อในสหรัฐ
ในช่วงที่ผ่านมานักท่องเที่ยวชาวจีนมีจำนวนเพิ่มขึ้นมาโดยตลอด ในปี 2000 นักท่องเที่ยวชาวจีนมาท่องเที่ยวในสหรัฐมีจำนวน 249,000 ราย และเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่าในปี 2010 ด้วยจำนวน 802,000 ราย และเพิ่มขึ้นมาโดยตลอดจนถึงปี 2016 และ 2017 ที่มีนักท่องเที่ยวเกิน 3 ล้านราย ก่อนที่จำนวนลดลงในปีที่ผ่านมา
สาเหตุหลักๆ มาจากความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศที่ค่อนข้างย่ำแย่ลง โดยเฉพาะเรื่องของ สงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน เช่น เครื่องซักผ้า แผงพลังงานแสงอาทิตย์ ในช่วงเดือนมกราคม ปี 2018 ที่ผ่านมา และยังรวมไปถึงคำเตือนจากรัฐบาลจีนในการเตือนชาวจีนที่ท่องเที่ยวในสหรัฐอเมริกา ให้ระวังเรื่องการกราดยิง จี้ปล้น รวมไปถึงค่าใช้จ่ายทางการรักษาพยาบาลในสหรัฐที่สูง
ปัจจัยสำคัญคือเศรษฐกิจจีนที่มีความไม่แน่นอน รวมไปถึงดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในประเทศจีนลดลง ทำให้ชาวจีนไม่นิยมท่องเที่ยวไกลๆ แต่อาศัยการท่องเที่ยวใกล้ๆ แทน เช่น ฮ่องกง มาเก๊า หรือแม้แต่ไต้หวัน โดยจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น 56% ในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี 2018 ที่ผ่านมา ขณะเดียวกันก็มีนักท่องเที่ยวบางส่วนที่เน้นการท่องเที่ยวประเทศแปลกๆ มากขึ้น เช่น โครเอเชีย โมรอคโค หรือแม้แต่เนปาล ขณะเดียวกันไทยและญี่ปุ่นก็ยังเป็นประเทศที่นักท่องเที่ยวสนใจในช่วงวันหยุด
นอกจากสมาคมผู้ประกอบการท่องเที่ยวสหรัฐยังคาดว่านักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเที่ยวในสหรัฐในปี 2018 ที่ผ่านมาอาจมีแนวโน้มที่ลดลง เนื่องจากข้อมูลในปี 2016 จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง 2% และในปี 2017 จำนวนนักท่องเที่ยวที่มีระดับทรงตัวจากปีก่อนอีกด้วย
ที่มา – Aljazeera
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา