ก.ล.ต. จีน ชี้ร่างกฎหมายถอดหุ้นจีนออกจากตลาดได้ ท้ายที่สุดจะลดความเชื่อมั่นตลาดหุ้นสหรัฐเอง

ก.ล.ต. จีน เตือน ถ้าให้บริษัทจีนโดนตรวจสอบบัญชีโดย PCAOB อาจทำให้นักลงทุนลดความเชื่อมั่นในตลาดหุ้นสหรัฐเอง หลังวุฒิสภาสหรัฐฯ ได้ผ่านร่างกฎหมายออกมา อาจทำให้หุ้นจีนโดนถอดจากตลาดหุ้น

Wall Street United States USA Flag
ภาพจาก Shutterstock

ตัวแทนของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ของจีน ได้ออกมากล่าวหลังจากที่วุฒิสภาสหรัฐฯ ได้ผ่านร่างกฎหมาย มีชื่อว่า Holding Foreign Companies Accountable Act ออกมา โดยมองว่าร่างนี้ได้ลดทอนความมั่นใจนักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐ และยังมองว่าท้ายที่สุดแล้วนักลงทุนจากทั่วโลกจะเลือกลงทุนในตลาดหุ้นที่ได้ผลประโยชน์มากที่สุด

สำหรับร่างกฎหมายดังกล่าวที่ทำให้ ก.ล.ต. จีนต้องออกมาเคลื่อนไหวนั้น เป็นเพราะร่างดังกล่าวนี้จะทำให้บริษัทต่างชาติที่จะเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นสหรัฐ จะต้องเปิดเผยผู้ถือหุ้นที่แท้จริงว่าเป็นใคร หรือว่าบริษัทที่จะเข้าจดทะเบียนนั้นถือหุ้นโดยรัฐบาลต่างชาติ ขณะเดียวกันในงบการเงินบริษัท จะต้องผ่านการตรวจสอบของ Public Company Accounting Oversight Board หรือ PCAOB เป็นเวลา 3 ปีติดต่อกัน

ก.ล.ต. จีน ยังมองว่าร่างดังกล่าวยังทำให้ความร่วมมือระหว่างหน่วยงานกำกับดูแลด้านตลาดหลักทรัพย์ที่จะร่วมมือกันในการสร้างมาตรฐานกำกับดูแลเรื่องการตรวจสอบบัญชี โดยที่ผ่านมา ก.ล.ต. จีน มีความร่วมมือกับ PCAOB มาก่อนที่จะมีร่างดังกล่าวแล้ว

นอกจากนี้ ก.ล.ต. จีน ยังมองว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวนี้มี “การเมือง” เป็นสิ่งชี้นำ และจงใจที่จะเล่นงานบริษัทจีนโดยเฉพาะ แม้ว่าในร่างกฎหมายนี้ไม่ได้ระบุถึงประเทศจีน หรือบริษัทจีนแต่อย่างใด ไม่เพียงแค่นั้นฝ่ายจีนยังมองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นลดทอนความเชื่อมั่นในตลาดหุ้นของสหรัฐเอง

บริษัทจีนหลายๆ แห่งที่ซื้อขายในตลาดหุ้นทั่วโลกเริ่มสร้างความกังวลให้กับนักลงทุนถึงเรื่องปัญหาบรรษัทภิบาลในจีน ขณะที่มาตรฐานบัญชีในจีนนั้นยังไม่ได้มาตรฐานสากล รวมไปถึงกรณีฉ้อฉลต่างๆ ที่ท้ายที่สุดกลับกลายเป็นว่านักลงทุนเสียเงินที่ลงทุนไป กรณีล่าสุดที่บริษัทจีนได้สร้างเรื่องคือ Luckin Coffee เชนร้านกาแฟชื่อดัง ที่ตกแต่งตัวเลขยอดขาย จนทำให้ทาง NASDAQ เองกำลังพิจารณาที่จะถอดหุ้นออกจากกระดานซื้อขาย

ล่าสุดบริษัทเทคโนโลยีจีนหลายๆ แห่งเริ่มมีแนวความคิดที่จะย้ายหุ้นไปซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ แล้ว ไม่ว่าจะเป็น Baidu ขณะที่ล่าสุดยังมีบริษัทอื่นๆ ตามมาบ้างแล้ว เช่น Netease รวมไปถึงยักษ์ใหญ่ E-commerce ในจีนอีกรายอย่าง JD.com ก็มีแผนนี้เช่นกัน

ข้อมูลจาก Goldman Sachs สัดส่วนของหุ้นจีนเมื่อเทียบกับมูลค่าตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ ปี 2020 ล่าสุดมีสัดส่วนประมาณ 3.3% มากกว่าในปี 2019 ที่ผ่านมาที่ 2.8% โดยครึ่งหนึ่งของสัดส่วนนี้มาจาก Alibaba

อย่างไรก็ดี ก.ล.ต. จีน หวังว่าสหรัฐฯ จะพบกันครึ่งทาง เพื่อร่วมมือในการกำกับดูแลหลักทรัพย์ รวมไปถึงเรื่องการตรวจสอบบัญชี และปกป้องนักลงทุน

ที่มา – CGTN, BusinessTimes

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

mm
Content Writer ที่สนใจในเรื่องของตลาดทุนทั้งในและต่างประเทศ กลุ่ม TMT (Technology, Media, Telecom) การควบรวมกิจการ (M&A) นโยบายทางเศรษฐกิจของไทยและต่างประเทศ รวมถึงสิ่งละอันพันละน้อยทางธุรกิจที่น่าสนใจ