เปิดพฤติกรรมช็อปวัยรุ่นเจน Z ชาวจีน เปิดใจยอมรับสินค้า Made in China มากกว่าคนรุ่นเก่า

พฤติกรรมของวัยรุ่นเจน Z ชาวจีนเปลี่ยน เปิดใจยอมรับสินค้า Made in China มากกว่าคนรุ่นก่อนๆ ทำให้คนเจน Z กลายเป็นส่วนผลักดันให้แบรนด์ภายในประเทศเติบโต

ภาพจาก Shutterstock

วัยรุ่นจีนเจน Z เปิดใจยอมรับสินค้า Made in China มากกว่าคนรุ่นเก่า

ในปัจจุบันประเทศจีนมีประชากรจำนวน 1,393 ล้านคน ในจำนวนนี้ 17% เป็นคนที่อยู่ในช่วงวัยรุ่นเจน Z ที่เกิดระหว่างปี 1996-2010 แม้วัยรุ่นเจน Z ชาวจีนจะดูมีจำนวนไม่มาก แต่คนกลุ่มนี้กลับมีส่วนในการสร้างการเติบโตของแบรนด์ภายในประเทศจีนกว่า 25%

และเป็นธรรมดาของวัยรุ่นเจน Z จีน ที่มีอำนาจในการจับจ่ายใช้สอยมากกว่าคนรุ่นก่อนๆ แต่สิ่งที่น่าสนใจที่สุดคือ คนกลุ่มนี้มีค่านิยมเปิดรับสินค้าที่ผลิตในประเทศ (Made in China) มากกว่าคนรุ่นก่อนๆ ด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะแบรนด์แบบ Direct to consumer ที่ติดต่อสื่อสารผ่านลูกค้าโดยตรงผ่านช่องทางดิจิทัล

สิบกว่าปีที่แล้วเคยไม่ไว้ใจคุณภาพสินค้าในประเทศ

เพราะหากย้อนกลับไปในอดีตช่วงสิบกว่าปีที่แล้วชาวจีนเองยังไม่ค่อยไว้วางใจสินค้าที่ผลิตในประเทศนัก

เมื่อปี 2004 Gallup ในประเทศจีนได้ทำการสำรวจทัศนคติของคนจีนที่มีต่อสินค้าที่ผลิตภายในประเทศ (Made in China) โดยพบว่า มีเพียง 29% มองว่าสินค้าที่ผลิตในประเทศเป็นสินค้าที่มีคุณภาพดี-ดีเยี่ยม แต่อีก 40% กลับมองว่าสินค้าที่ผลิตในประเทศมีคุณภาพอยู่ในระดับปานกลาง-แย่

ด้วยความที่วัยรุ่นเจน Z ชาวจีน มีอำนาจในการจับจ่ายใช้สอยมากกว่า สนใจแบรนด์ที่ผลิตในประเทศมากกว่าคนรุ่นก่อนๆ แล้ว พฤติกรรมการซื้อของคนกลุ่มนี้ก็มีความน่าสนใจเช่นกัน ในฐานะสิ่งที่ช่วยขับเคลื่อนให้ธุรกิจ Start-up ในประเทศจีนประสบความสำเร็จ เพราะคนวัยรุ่นเจน Z ต้องการซื้อสินค้าที่บ่งบอกถึงความเป็นตัวเอง และบ่งบอกถึงคุณค่าของตัวเองได้

อย่างไรก็ตามการให้ความยอมรับสินค้าที่ผลิตภายในประเทศ อาจไม่ใช่แค่ความคิดของคนวัยรุ่นเจน Z เท่านั้น แต่ยังอาจหมายรวมถึงคนกลุ่มอื่นๆ ที่เปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับสินค้าที่ผลิตภายในประเทศด้วย เพราะในปี 2017 McKinsey ได้ทำการสำรวจทัศนคติของชาวจีนที่มีต่อสินค้าที่ผลิตในประเทศ พบว่า แบรนด์จีนที่ได้รับความนิยมในกลุ่มคนจีนด้วยกันเอง อาจมาจาก 3 ปัจจัยสำคัญ คือ มีความคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป คุณภาพดี และมีบริการหลังการขายที่ดีกว่า โดยไม่ได้มีปัจจัยเรื่องชาตินิยมเข้ามาเกี่ยวข้อง

รวมถึงสินค้าแบรนด์จีนมีการพัฒนาสินค้าที่รวดเร็วกว่าแบรนด์ต่างชาติ ที่กระบวนการพัฒนาสินค้ามีหลายขั้นตอน จนไม่สามารถปรับตัวเข้ากับพฤติกรรมของลูกค้าได้ดีเท่าสินค้าแบรนด์จีนเอง

คุณภาพนมผงยังสร้างความกังวลให้กับชาวจีนจนถึงปัจจุบัน

อย่างไรก็ตามก็ไม่ได้หมายความว่าในปัจจุบันชาวจีนไว้ใจสินค้าที่ผลิตภายในประเทศจนไม่จำเป็นต้องซื้อสินค้านำเข้าจากต่างประเทศเลย เพราะสินค้าบางอย่างชาวจีนก็ยังคงไว้ใจสินค้านำเข้ามากกว่าเช่นเดิม

นมผงสำหรับเด็ก เป็นสินค้าที่สามารถยกตัวอย่างได้ชัดเจนมากที่สุดว่าชาวจีนยังคงไว้ใจนมผงเด็กนำเข้าจากต่างประเทศมากกว่า เพราะชาวจีนยังคงกังวลกับปัญหาคุณภาพนมผงเด็กที่มีการผสมเมลามีนในช่วงปี 2008 ที่ส่งผลให้มีเด็กได้รับผลกระทบประมาณ 300,000 คน และทารกเสียชีวิตอีกอย่างน้อย 6 คน

จนในปัจจุบัน แบรนด์นมผงจีนต้องเลือกที่จะออกไปลงทุนในต่างประเทศแทนการทำตลาดในประเทศ เพราะส่วนแบ่งของบริษัทนมผงแบรนด์ต่างชาติในประเทศจีน สามารถกินส่วนแบ่งไปได้มากกว่า 50% แล้ว

ที่มา – cnbc, Mckinsey, Gullup

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา