ซื้อปราสาทในยุโรป เทรนด์ใหม่ของเศรษฐีจีน
ปรากฏการณ์สำคัญอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมา คือการที่ยอดซื้อขายปราสาทเก่าแก่ในหลายประเทศในยุโรปเพื่อใช้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจเติบโตขึ้น และข้อมูลจากตัวแทนอสังหาริมทรัพย์หลายเจ้าก็แสดงให้เห็นว่า ผู้ซื้อจำนวนมากคือมหาเศรษฐีจีนที่มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นแซงคนชาติอื่น
เห็นได้ชัดเจนว่ามหาเศรษฐีจีนโดยรวมกำลังร่ำรวยขึ้น และในระดับโลกเศรษฐี 5 ลำดับแรกก็เป็นชาวจีนถึง 2 คน แถมล่าสุดมหาเศรษฐีชาวจีนก็พลิกแซงชาวอินเดียขึ้นมาเป็นเศรษฐีอันดับ 1 ของเอเชียได้สำเร็จ จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมมหาเศรษฐีจีนถึงเริ่มเข้าซื้อสินทรัพย์มูลค่าสูงทั่วโลกเพิ่มขึ้น
- 5 มหาเศรษฐีที่รวยขึ้นมากที่สุดในปี 2020
- จง ซานซาน มหาเศรษฐีเบอร์ 1 เอเชีย
- ผู้ก่อตั้ง Pinduoduo อีคอมเมิร์ซจีนน้องใหม่มาแรง ร่ำรวยกว่า Jack Ma แห่ง Alibaba
บริษัทอสังหาบอกตรงกัน จีนคือลูกค้าเบอร์ 1
ในอิตาลี กลุ่มคนที่ต้องมนต์ปราสาทเก่าแก่มากที่สุดกลุ่มหนึ่งคือคนไต้หวัน Pignatti Morano หุ้นส่วนผู้จัดการของ Italy Sotheby’s International Realty บริษัทอสังหาริมทรัพย์หรูหราจากอิตาลีเผยว่า “ความต้องการซื้อจากมหาเศรษฐีไต้หวันสูงอย่างมีนัยสำคัญ พวกเขาหลงไหลในความไม่เหมือนใครของประสาทเก่าแก่ แต่ก็ต้องการสิ่งอำนวยความสะดวกสมัยใหม่ ไม่ว่าจะเป็นยิม สระว่ายน้ำ และห้องรับชมภาพยนตร์”
ในฝรั่งเศส อีกหนึ่งประเทศที่มีปราสาทเก่าแก่จำนวนมาก ลูกค้าหลักของตลาดการซื้อขายปราสาทเก่าแก่คือมหาเศรษฐีจีนผู้มั่งคั่ง Alexis Caquet กรรมการบริหารของ Engel & Volkers Paris บริษัทอสังหาริมทรัพย์ในฝรั่งเศสกล่าว เศรษฐีจากจีนมีความกระตือรื้อร้นสูงมากในการซื้อขายประสาทเก่าแก่ มหาเศรษฐีจีนมักให้ความสนใจเป็นพิเศษกับปราสาทที่มาพร้อมกับไร่ไวน์โดยเฉพาะไร่ที่มีชื่อเสียงอยู่แล้วหรือมีศักยภาพเพียงพอ
ส่วนในสก็อตแลนด์ ความต้องการซื้อขายปราสาททั้งจากในและต่างประเทศก็สูงเช่นเดียวกัน และที่สำคัญคือปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นเป็น 4 เท่าในปี 2020 จากข้อมูลของ Savills บริษัทอสังหาริมทรัพย์ สัดส่วนเศรษฐีจีนในตลาดปราสาทเก่าแก่ของสก็อตแลนด์ก็ยังไม่มากเมื่อเทียบกับประเทศอื่น แต่เมื่อพิจารณากำลังซื้อที่เพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาของเศรษฐีจีน ก็ไม่แน่ว่าเศรษฐีจีนอาจให้ความสนใจปราสาทในสก็อตแลนด์เพิ่มขึ้นก็ได้หลังจากนี้
ราคาปราสาทเก่าแก่ในยุโรปแปรผันไปตามสถานที่ตั้ง ขนาด และสภาพของปราสาท จากข้อมูลของตัวแทนอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ราคาของปราสาทเก่าแก่ในสามประเทศอยู่ในช่วงราคาดังนี้
- ในอิตาลี ราคาอยู่ที่ 7 ล้าน – 20 ล้านยูโร (256.7 ล้าน -733.5 ล้านบาท)
- ในฝรั่งเศส ราคาอยู่ที่ 7 แสน – 50 ล้านยูโร (25.7 ล้าน -1,834 ล้านบาท)
- ในสก็อตแลนด์ ราคาอยู่ที่ 2.3 แสน – 8 ล้านปอนด์ (9.6 ล้าน – 342.2 ล้านบาท)
แล้วทำไมมหาเศรษฐีจีนถึงยอมจ่ายแพงขนาดนี้?
ประสาทเก่าแก่มีความเป็นส่วนตัว ให้ความสำราญ แถมเป็นการลงทุนรูปแบบนึง
สาเหตุหนึ่งที่ทำให้มีความต้องการซื้อปราสาทเก่าแก่สูงขึ้น โดยเฉพาะในช่วงโควิด เพราะปราสาทเก่าแก่ให้ทั้งความเป็นส่วนตัวและพื้นที่กว้างขวาง จึงไม่มีที่ไหนที่เหมาะแก่การกักตัวเองมากที่สุดเท่ากับปราสาทส่วนตัวในมุมมองของผู้มีกำลังทรัพย์เพียงพอ
แม้ปราสาทจะห่างไกลจากพื้นที่ที่คนอยู่อย่างหนาแน่น แต่กลับให้ความสำราญได้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นการอยู่ท่ามกลางทิวทัศน์ที่สวยงาม มีกิจกรรมอย่างการทำไวน์หรือน้ำมันมะกอก แถมยังสามารถจัดงานสังสรรค์สร้างความบันเทิงระหว่างกลุ่มผู้มั่งคั่งด้วยกันได้อีกด้วย
แค่นั้นไม่พอ การซื้อปราสาทยุโรปถือเป็นการลงทุนอย่างหนึ่ง เพราะตัวปราสาทมีมูลค่าเพิ่มมหาศาลจากทำเลที่ตั้งและประวัติศาสตร์ยาวนานของตัวปราสาทเอง
และเมื่อทำการตกแต่งตัวปราสาทใหม่แล้ว ก็สามารถนำปราสาทไปทำเป็นโรงแรม หรือสะสมมูลค่าเพื่อเก็บไว้ขายต่อในอนาคตก็ได้ แถมปราสาทบางแห่งก็มาพร้อมกับไร่ไวน์ โรงบ่มไวน์ ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางในการทำรายได้จากการครอบครองประสาทเก่าแก่
นอกจากนี้ การที่มหาเศรษฐีเข้าครอบครองและซ่อมแซมปราสาทโบราณใหม่ อาจเข้าเงื่อนไขในการลดหย่อนภาษี เช่น ในฝรั่งเศส มีนโยบายลดหย่อนภาษีให้ผู้ที่ครอบครองและทำการซ่อมแซมปราสาทใหม่ เพื่อส่งเสริมนโยบายในการอนุรักษ์และฟื้นฟูมรดกทางวัฒนธรรมของประเทศเอาไว้
ที่มา – SCMP
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา