ไม่ใช่แค่ ‘อังกฤษ’ อีกต่อไป ‘จีน’ จะขึ้นแท่นภาษาหลัก ใบเบิกทางของโลกอนาคต 

คุณคิดว่าทักษะอะไรสำคัญที่สุดในอนาคต?

student

‘Shrewsbury International School Bangkok City Campus’ หนึ่งในโรงเรียนนานาชาติชั้นนำของไทย มองว่า ความสามารถด้านการสื่อสารสองภาษา ไม่ใช่แค่ข้อได้เปรียบ แต่เป็นทักษะจำเป็นสำหรับอนาคต เพื่อที่จะก้าวทันโลกที่ผันเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว

Shrewsbury อธิบายว่า ปัจจุบันโลกเรามีการแบ่งขั้ว แถมเศรษฐกิจยังไม่แน่นอนยิ่งขึ้น ทำให้ความต้องการทักษะเฉพาะทางบางกลุ่มมากตาม รวมถึง ‘ทักษะภาษาที่หลากหลาย’ (Multilingualism) ก็เพิ่มขึ้นอีก 32.4%

ถ้าเป็นอย่างนั้น เราควรเรียนภาษาอะไรกันนะ?

ภาษาอังกฤษและจีนได้ใช้แน่ เก็บไว้เป็นใบเบิกทางให้ตนเอง

student

เป็นที่ทราบดีว่า ในยุคนี้ การติดต่อสื่อสารระหว่างประเทศไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ตราบใดที่ปราศจากกำแพงภาษา

Shrewsbury เผยว่า ‘ภาษาจีน’ และ ‘ภาษาอังกฤษ’ กลายเป็นพาสปอร์ตที่เปิดประตูโอกาสมากมาย เนื่องจากเป็นภาษาที่มีอิทธิพลมากที่สุดในแวดวงการศึกษา รวมถึงธุรกิจทั่วโลก

ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ใช้สื่อสารกันอย่างแพร่หลาย ครอบคลุมเนื้อหาบนทุกเว็บไซต์เกือบๆ 26% ส่วนภาษาจีนก็ถูกใช้โดยประชากรมากกว่า 1.2 พันล้านคนทั่วโลก

ที่สำคัญ อิทธิพลทางเศรษฐกิจของจีน ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ภาษาจีนก้าวขึ้นมาเป็นภาษาสำคัญ

ดังนั้น การเปิดโอกาสให้เยาวชนได้เรียนรู้ทั้งสองภาษานี้ จะทำให้พวกเขาเปิดโลกทัศน์ พร้อมสัมผัสวัฒนธรรมที่หลากหลาย และพร้อมก้าวสู่เวทีโลกอย่างมั่นใจ

แค่พูดหลายภาษาได้ยังไม่พอ ต้องมีวิสัยทัศน์-เข้าใจความหลากหลายด้วย

classroom

นอกจากความสามารถสองภาษาแล้ว Shrewsbury ยังพูดถึงอีก 3 เทรนด์หลักด้านการศึกษาแห่งอนาคตคือ

  1. ความสามารถในการปรับตัวเข้ากับวัฒนธรรมต่างๆ

แม้การเรียนรู้หลายๆ ภาษาจะช่วยปูพื้นฐานให้เข้าใจวัฒนธรรมที่แตกต่าง แต่การเข้าใจความเป็นมา รวมถึงบ่มเพาะความสามารถในการปรับตัวที่แข็งแกร่ง จะเปิดโอกาสให้เด็กๆ มากขึ้นไปอีก

Shrewsbury เล่าว่า หากสามารถเข้าใจมุมมองที่หลากหลายผ่านแบคกราวน์ทางวัฒนธรรมที่แตกต่างได้ ก็จะช่วยเพิ่มศักยภาพของการเป็นผู้นำ และเสริมสร้างทักษะด้านนวัตกรรมด้วย

  1. ความฉลาดทางอารมณ์ในสังคมดิจิทัล

ปฏิเสธไม่ได้ว่า เด็กๆ สมัยนี้โตมากับโลกดิจิทัลโดยสมบูรณ์ ส่งผลให้ ‘ความฉลาดทางอารมณ์’ หรือ ‘Emotional Intelligence’ เป็นเรื่องสำคัญในการทำให้ทุกคนอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข

ทักษะนี้จะช่วยให้เด็กๆ โตไปเป็นผู้ใหญ่ที่ประสบความสำเร็จ และควบคุมอารมณ์ได้ แถมเป็นหัวใจสำคัญของกลยุทธ์การคัดเลือกบุคลากรที่บริษัทต่างๆ กำลังมองหาภายในปี 2030 ด้วย

  1. ความสามารถในการทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม

เมื่อโลกไร้พรมแดน ความสามารถในการสื่อสารระหว่างบุคคลและองค์กรจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ

มีงานวิจัยพบว่า บริษัทที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมสูง สามารถทำกำไรได้มากกว่าบริษัทที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมต่ำถึง 36% เลย

ที่สำคัญ ความหลากหลายทางวัฒนธรรมยังช่วยเพิ่มความคิดสร้างสรรค์ในการทำงานด้วย

เรียนสองภาษาแต่เด็ก ช่วยเสริมพัฒนาการสมอง

student

Shrewsbury บอกอีกว่า วัยเด็กเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการเริ่มเรียนสองภาษา เนื่องจาก 90% ของการพัฒนาสมองเกิดขึ้นในช่วงนี้ 

ปัจจุบัน การฝึกสองภาษาให้กับเด็กเล็กวัย 0-5 ปี กำลังได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นจากทุกมุมโลก โดยเน้นเรียนรู้แบบบูรณาการที่สนุกสนาน และเชื่อมโยงกับวัฒนธรรมต่างๆ เพื่อเสริมสร้างทักษะการเรียนรู้ทางภาษา พร้อมความยืดหยุ่นทางปัญญาไปพร้อมๆ กัน

ทาง Shrewsbury เองก็เปิดตัวโปรแกรม ‘Hanqing Bilingual Pathway’ หลักสูตรสองภาษา จีนกลางและอังกฤษ สำหรับนักเรียนระดับ ‘Early Years 1-2’ (อายุ 3-4 ปี) 

โปรแกรมนี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้ปกครองและนักเรียนได้เลือกแนวทางการศึกษาที่เหมาะสม โดย Hanqing Bilingual Pathway จะเน้นพัฒนาทักษะภาษา ควบคู่กับการเรียนรู้แบบองค์รวม 

ในส่วนของการเรียนการสอน แบ่งเป็นภาษาจีนกลาง 45% ภาษาอังกฤษ 45% และภาษาไทย 10% ผ่านครูผู้สอนเจ้าของภาษาที่มีคุณวุฒิเทียบเท่ากับ ‘ใบรับรองการสอนของประเทศอังกฤษ’ (QTS Qualified Teacher Status)

หลักสูตรนี้ของ Shrewsbury ถือเป็นโครงการที่น่าสนใจ เพราะสามารถช่วยเปิดโอกาสให้เด็กไทย เติบโตไปเป็นพลเมืองโลกที่มีศักยภาพพอจะสู้กับการแข่งขันในระดับสากลได้

อย่างไรก็ตาม เรารู้ดีว่า มีเด็กๆ อีกหลายคนที่ไม่สามารถเข้าถึงโอกาสในการเรียนหลักสูตรสองภาษาแบบนี้ หรือแม้แต่เรียนพิเศษเพิ่มเติม ยังเป็นไปได้ยาก

ดังนั้น คำถามคือ ประเทศไทยควรทำอย่างไร เพื่อช่วยให้เยาวชนมีครบทุกทักษะ และพร้อมเติบโตสู่โลกอนาคตอย่างแข็งแกร่งและทั่วถึง?

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา