สำหรับจังหวัดเจิ้งโจว (Zhengzhou) นั้น ถือเป็นพื้นที่สำหรับผลิตสมาร์ทโฟนที่ใหญ่ที่สุดและเป็นที่ตั้งของบริษัท Foxconn พาร์ทเนอร์ในการผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่ของบริษัท Apple ถึงขั้นมีฉายาว่าเมืองไอโฟน (iPhone City) ด้วยและยังเป็นฮับแห่งการคมนาคมที่เชื่อมโยงรถไฟจากเจิ้งโจวไปยังยุโรปอีก
ล่าสุด ชาวเมืองจงหยวน (Zhongyuan) ราว 1 ล้านคนถูกสั่งให้อยู่แต่ในบ้านตั้งแต่วันจันทร์นี้ ยกเว้นเฉพาะผู้ที่ต้องออกไปตรวจโควิดเท่านั้น อย่างไรก็ดี บริษัทยักษ์ใหญ่ Foxconn ผู้ผลิต iPhone ไม่ได้ตั้งโรงงานในเมืองที่ถูกสั่งให้ล็อคดาวน์ แต่ทางผู้แทนของบริษัทก็ยังไม่แสดงความคิดเห็นใดๆ กับประเด็นดังกล่าว
คำสั่งที่ให้มีการล็อคดาวน์นี้เกิดจากรายงานสถานการณ์โควิดว่ามีผู้ติดเชื้อเพิ่ม 6 รายเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ถือว่าลดลงจากวันที่ 9 ตุลาคม ที่มีการติดเชื้อสูงสุดอยู่ที่ 40 ราย และถือว่าลดลงอย่างมากหากเทียบทั้งประเทศที่ติดเชื้อราว 697 ราย เป็นจำนวนที่น้อยที่สุดในรอบ 2 สัปดาห์ที่มีการระบาดในบริเวณมองโกเลียในและซินเจียงซึ่งก็อยู่ภายใต้การควบคุมแล้วเรียบร้อย
ขณะที่ปักกิ่งมีผู้ติดเชื้อรายใหม่อยู่ที่ 13 คน เซี่ยงไฮ้ 32 คน แม้จำนวนผู้ติดเชื้อจะลดลงอย่างมากจากหลักแสนเป็นหลักหมื่นสู่หลักพัน หลักร้อย หลักสิบ หลักเดี่ยวแล้ว จีนก็ยังไม่หยุดใช้นโยบาย Zero Covid ในการควบคุมโรคระบาดให้กลายเป็นหลักศูนย์ จีนยังคงทุ่มทุนสร้างสำหรับการสกัดกั้นโควิด แม้จะมีต้นทุนที่แพงมหาศาลก็ตาม จีนก็ยังเดินหน้าตรวจโรคโควิดอย่างหนักต่อไป
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา Xi Jinping ประธานาธิบดีจีนก็ยังส่งสัญญาณผ่านสุนทรพจน์ว่า เขาจะยังใช้กฎระเบียบควบคุมโรคระบาดอย่างเข้มข้นต่อไป ทั้งนี้ก็เพื่อปกป้องชีวิตประชาชน โดยเลี่ยงที่จะพูดถึงผลกระทบด้านเศรษฐกิจ ด้วยแนวคิดในการจัดการโควิดที่ไม่เปลี่ยนแปลงนี้เองสร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุนอย่างมาก เพราะคิดว่าจีนจะเริ่มผ่อนปรนกับนโยบายควบคุมโรคแล้ว
ด้านนักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าปีนี้เศรษฐกิจจีนจะเติบโตอยู่ที่ 3.3% ถือว่าเป็นช่วงที่เศรษฐกิจจีนอ่อนแรงอีกระลอกหนึ่งในรอบ 40 ปี แน่นอนว่าเสียงตำหนิ เสียงวิพากษ์วิจารณ์ของประชาชนชาวจีนยังเสียงดังไม่พอที่จะทำให้สี จิ้นผิงเปลี่ยนใจ แม้จะมีคนเรียกร้องผ่าน Weibo ว่า “พวกเขาต้องการอาหาร ไม่ใช่การตรวจ PCR” “พวกเขาต้องการเสรีภาพ ไม่ใช่ถูกล็อคดาวน์และควบคุม” แต่สี จิ้นผิงก็ยังยืนยันจะเดินหน้าตรวจโรคโควิดอย่างเข้มข้นต่อไป
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา