ก่อนที่ผลคะแนนเลือกตั้งประธานาธิบดีจะปรากฎให้โลกรู้ มีทั้งคนที่คาดหวังเพื่อให้ได้ไบเดนเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ และยังอยากได้ทรัมป์ผู้แข็งกร้าวคนเก่าต่อไป ล่าสุด Le Yucheng รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศคาดหวังว่า ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีจะดำเนินไปอย่างราบรื่น มีเสถียรภาพ และหวังว่ารัฐบาลชุดถัดไปจะมีท่าทีประนีประนอมมากยิ่งขึ้น
แม้ว่าจะมีท่าทีไม่เห็นด้วยกันอยู่บ้างระหว่างจีนและสหรัฐ แต่ก็ยังมีโอกาสที่จะสร้างประโยชน์และความร่วมมือร่วมกัน หวังว่ารัฐบาลชุดใหม่ของสหรัฐฯ จะบริหารประเทศในลักษณะพบกับจีนคนละครึ่งทาง กล่าวคือ ให้ยึดหลักการไม่สร้างความขัดแย้ง ไม่เผชิญหน้า เคารพซึ่งกันและกัน ร่วมมือกันเพื่อให้เกิดผลประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่าย
อาจกล่าวได้ว่า กว่าสองปีที่ผ่านมาจีนต้องเผชิญกับความตึงเครียดอย่างหนักทั้งด้านการค้าที่มีสงครามการค้ากับสหรัฐฯ ต่อเนื่อง ด้านเทคโนโลยีที่มีการแบน Huawei แบน TikTik ไปจนถึงแบน 5G และด้านภูมิรัฐศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นความขัดแย้งในทะเลจีนใต้ ความตึงเครียดระหว่างญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย อินเดีย ฯลฯ ตลอดจนการควบคุมโควิดระบาดที่บกพร่องจนแพร่กระจายไปทั่วโลก ทำให้หลายประเทศมีความนิยมชมชอบในจีนลดลงต่อเนื่อง
ด้าน Clete Willems อดีตฝ่ายเจรจาการค้าทำเนียบขาววิเคราะห์ว่า นโยบายสหรัฐฯ ที่มีต่อจีนน่าจะเข้มงวดต่อไป สหรัฐฯ มีการแบ่งขั้วทางการเมือง แต่สหรัฐฯ ไม่ได้แบ่งขั้วเป็นฝักฝ่ายกันสำหรับท่าทีที่มีต่อจีน
การดำเนินนโยบายต่อจีนนั้น มีแนวโน้มว่า ถ้า Joe Biden ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี เขาน่าจะดึงชาติพันธมิตรสหรัฐฯ เพื่อร่วมมือกันต่อต้านจีนมากกว่าสมัยที่รัฐบาลทรัมป์เคยทำ ซึ่งคืนวันพุธที่ผ่านมานี้ Xi Jinping ก็เพิ่งจะกล่าวถ้อยแถลงว่าอยากเร่งทำเจรจาการค้ากับยุโรป ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ แต่ Xi ไม่ได้กล่าวถึงสหรัฐฯ เลย
ด้าน Imogen Page Jarrett นักวิเคราะ์จีนจาก EIU มองว่า จีนก็มองหาแหล่งนำเข้าสินค้าที่หลากหลายมากขึ้นเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี พลังงาน และอาหาร การแตกหักด้านภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ อาจรวมถึงเรื่องที่จะตัดการเข้าถึงสินค้าจีนในอนาคตด้วย
ที่มา – CNBC
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา