จีนไม่แคร์ แม้ส่งออกสหรัฐฯ ลดลง
ตลาดไทยและอาเซียนยังรองรับสินค้าจีนได้อีกเพียบ!
เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา จีนส่งออกไปสหรัฐฯ ลดลงถึง 35% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แม้การส่งออกของจีนจะเพิ่มขึ้นถึง 4.8% แต่ก็ถือว่าชะลอลงจาก 8.1% ถ้าเทียบกับปีก่อนหน้าที่มียอดเพิ่มขึ้นในเดือนเมษายน
ขณะที่การนำเข้าลดลง 3.4% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ทำให้มียอดการค้าเกินดุลอยู่ที่ 1.03 แสนล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 3.3 ล้านล้านบาท
การส่งออกของจีนไปสหรัฐฯ มีมูลค่าอยู่ที่ 2.88 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เทียบกับปีก่อนหน้าอยู่ที่ 4.4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ จีนนำเข้าจากสหรัฐฯ ลดลง 1.08 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ
ส่วนการส่งออกมาอาเซียน (เอเชียตะวันออกเฉียงใต้) และสหภาพยุโรปยังคงแข็งแกร่ง แถมเติบโตขึ้น 14.8% และ 12% เทียบกับปีก่อนหน้าตามลำดับ
การส่งออกมายังไทย, เวียดนาม และอินโดนีเซียมีอัตราเติบโตสูงขึ้นมากอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่ส่งออกไปยังเยอรมนีก็เพิ่มขึ้นกว่า 12%
การเร่งส่งออกสินค้าไปยังประเทศต่างๆ ของจีน ทำให้ภาคการส่งออกของจีนยังคงคึกคักอยู่ แต่การค้าในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมายังมีลักษณะชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับเดือนเมษายนที่มีการส่งออกเพิ่มขึ้น 8.1%
เนื่องจากหลายธุรกิจพยายามเร่งสั่งซื้อสินค้าเพื่อเลี่ยงช่วงเวลาที่ทรัมป์จะขึ้นภาษีให้สูงขึ้น
แต่การส่งออกก็มีแนวโน้มจะกลับมาฟื้นตัวขึ้นอีกในช่วงเดือนมิถุนายนเนื่องจากสหรัฐฯ และจีนระงับการเก็บภาษีไปอีก 90 วัน
Zichun Huang แห่ง Capital Economics ระบุว่า ภาษีมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้น ทำให้ภาคการผลิตจีนกำลังเผชิญหน้ากับข้อจำกัดหลายด้าน ส่งผลให้ในที่สุดแล้วภาคการส่งออกของจีนจะชะลอลงภายในสิ้นปีนี้
นอกจากภาคการส่งออกที่จะชะลอลงแล้ว ดัชนีราคาผู้บริโภคก็ลดลงด้วยที่อัตรา 0.1% สะท้อนให้เห็นว่าภาวะเงินฝืดยังดำเนินต่อไป ภาวะเงินฝืดที่แย่ลง หดตัวราว 3.3% ในเดือนพฤษภาคม ถือเป็นอัตราที่ต่ำที่สุดในรอบเกือบ 2 ปี หลังจากที่ลดลง 2.7% ในเดือนเมษายน
ที่มา – AP, Japan Today
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา