กระทรวงนิเวศวิทยาและสิ่งแวดล้อมจีนเผย จีนนำเข้าขยะจากต่างประเทศลดลง เทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมาอยู่ที่อัตรา 40.4% จีนตั้งเป้าจะลดการนำเข้าขยะจากต่างประเทศให้เป็นศูนย์ภายในสิ้นปีนี้
จีนนำเข้าขยะจากต่างประเทศมากเกือบ 13.5 ล้านตันในปี 2019 และตั้งเป้าจะให้เหลือศูนย์หรือยกเลิกการนำเข้าขยะจากต่างประเทศทั้งหมดภายในสิ้นปี 2020
Liu Youbin โฆษกกระทรวงนิเวศวิทยาและสิ่งแวดล้อม ระบุ จีนแบนการนำเข้าขยะ 56 ชนิดมาตั้งแต่เริ่มตัดสินใจว่าจะยกเลิกการนำเข้าขยะตั้งแต่ปี 2017 การนำเข้าก็ลดลง 71%
ด้านกระทรวงการศุลกากรจีนก็ปล่อยแคมเปญพิเศษครั้งที่ 3 ออกมา ว่าด้วยเรื่องการลักลอบนำเข้าขยะในปี 2019 เป็นแคมเปญที่ต้องการควบคุมการนำเข้าขยะรีไซเคิล
Liu กล่าวว่า การแบนการนำเข้าขยะดังกล่าวถือเป็นความก้าวหน้าทางนิเวศวิทยาของจีนอีกก้าวหนึ่งที่จะสนับสนุนให้พวกเราทำงานร่วมกับหน่วยงานอื่นของรัฐบาลเพื่อทำให้เป้าหมายที่จะยกเลิกการนำเข้าขยะเป็นจริงได้ในปลายปี 2020
ทำไมจีนต้องนำเข้าขยะจากต่างประเทศ มันดีตรงไหน?
สำหรับประเด็นที่ว่า.. ทำไมจีนต้องนำเข้าขยะจากต่างประเทศนั้น Slate เคยรายงานไว้ว่า นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยจอร์เจียได้เผยแพร่ผลงานศึกษาที่อิงกับองค์การสหประชาชาติ คาดการณ์ว่า โลกจะมีขยะล้นเกินและยอดน่าจะพุ่งไปถึง 111 ล้านตันในปี 2030
ไม่มีใครรู้ว่ามันจะไปกองอยู่ที่ไหน แต่ที่แน่ๆ จีนนำเข้าขยะพลาสติกมากในระดับครึ่งหนึ่งของโลกมานาน 2 ทศวรรษแล้ว และจีนเพิ่งจะมาแบนช่วงปี 2018 นี่เอง แบนตามแคมเปญเพื่อต่อต้านการสร้างมลพิษ (anti-pollution campaign)
Slate เล่าถึงเรื่องนี้ว่า จีนเป็นประเทศที่มีความมั่งคั่งในแง่แรงงานราคาถูก หนึ่งในกลยุทธ์ของจีนคือการนำเข้าขยะเพื่อมารีไซเคิลผลิตใหม่ ไม่ว่าจะเป็นรองเท้า โทรศัพท์ ขวดน้ำ ท่อยาง ไปจนถึงผลิตภัณฑ์อื่นๆ จีนนำเข้าขยะจากต่างประเทศในปริมาณที่มากมายมาตั้งแต่ทศวรรษ 1980-1990 แล้ว
ประโยชน์สองทางจากการนำเข้าขยะจากต่างประเทศ
ทางหนึ่งคือนักธุรกิจจีนยินดีต้อนรับขยะจากต่างประเทศนี้เพราะผลิตภัณฑ์บางอย่างที่ทิ้งแล้วยังมีคุณภาพดี ในขณะที่บางประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกาหรืออังกฤษ ต่างก็มองว่าการส่งขยะไปทิ้งต่างประเทศนั้นก็มีราคาถูกกว่าจะต้องมาเสียเวลาคัดแยกในการทิ้งให้อยู่ในประเทศของตัวเอง
ทั้งนี้ อุตสาหกรรมขยะในจีนสามารถจ้างงานได้มากถึง 3-5 ล้านราย ปัจจุบัน รัฐบาลจีนพบว่า อุตสาหกรรมการรีไซเคิลขยะนี้ได้กำไรต่ำและยังมีคุณค่าต่ำ แถมยังผลิตมลพิษให้กับประเทศมหาศาลทั้งในแง่อากาศและน้ำ
ส่งผลให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพคนจีนโดยรวม ประเด็นมลพิษภายในประเทศจีนกลายเป็นปัญหาใหญ่และนำไปสู่การสร้างแรงจูงใจให้คนลุกขึ้นมาประท้วงนับพันราย จนในที่สุด จีนตัดสินใจเริ่มแบนพลาสติกและตั้งเป้าหมายอย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น
ปัญหาต่อไปที่โลกต้องเผชิญก็คือ เมื่อจีนนำเข้าขยะจากต่างประเทศมากถึงครึ่งหนึ่งของโลกมานานนับสิบๆ ปี ต่อจากนี้ ถ้าจีนยกเลิกการนำเข้าขยะสำเร็จ ขยะอีกครึ่งโลกจะไปกองอยู่ที่ไหน?
ที่มา – China Daily, Slate
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา