ยอดขายสินค้าแบรนด์หรูทั่วโลกนั้นมาจากชาวจีนถึง 1 ใน 3 ซึ่งเงินไม่ได้กลับเข้ามาในประเทศเลย ดังนั้นกลุ่มทุนจีนจึงเริ่มคิดการใหญ่ด้วยการกว้านซื้อแบรนด์หรูต่างๆ ที่ชาวจีนชอบ เพื่อก้าวขึ้นเป็นอาณาจักรแบรนด์หรูเหมือน LVMH
พลังเงินถาโถม พร้อมดึงกำไรหมุนในประเทศ
ด้วยเงินที่ไหลออกนอกประเทศมหาศาลในสินค้าแบรนด์หรู โดยเฉพาะของกลุ่มยุโรป ทำให้กลุ่มทุนจีนที่อยู่ในธุรกิจเครื่องแต่งกาย หรืออื่นๆ เริ่มมองเห็นโอกาสในการสร้างรายได้ เนื่องจากปัจจุบันมีแบรนด์หรูเริ่มประสบปัญหาทางการเงิน หลังบางเจ้าไม่สามารถทำยอดขายได้ดีเหมือนแต่ก่อน ผ่านการออกแบบที่ไม่โดนใจผู้บริโภคส่วนใหญ่นัก
Oliver Abtan กรรมการผู้จัดการกลุ่มสินค้า Luxury ของ Boston Consulting Group มองว่า ทุนจากจีนยอมที่จะเสี่ยงลงทุนในแบรนด์หรูเหล่านี้ เพราะยังมีลูกค้าชาวจีนอีกมากที่สามารถทำตลาดได้ และด้วยเป็นบริษัทจีน ทำให้เข้าใจพฤติกรรมชาวจีน และทำตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งกว่าเดิม พร้อมดึงเงินกลับมาในประเทศอีกครั้ง
และหนึ่งในกลุ่มที่คิดเช่นนั้นก็คือ Shandong Ruyi แบรนด์ผู้ผลิตเครื่องแต่งกายในประเทศจีน เพราะเริ่มทุ่มทุนมหาศศาล เพื่อพยายามสร้างตัวเองขึ้นเป็นกลุ่ม LVMH ที่ถือแบรนด์หรูหลากหลายสินค้าตั้งแต่ เครื่องหนัง Louis Vuitton, เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ Moët & Chandon จนถึงเครื่องเพชรอย่าง Bulgari
แต่ก็ไม่ง่าย เพราะถึงซื้อมาทำตลาดก็ไม่หรูจริง
สำหรับ Shandong Ruyi นั้นไล่ซื้อ หรือเข้าถือหุ้นใหญ่ในแบรนด์หรูมากมายเช่น Sandro, Maje และ Claudie Pierlot จากฝรั่งเศส รวมถึง Aquascutum กับ Gieves & Hawkes ของสหราชอาณาจักร และล่าสุดช่วงต้นเดือนก.พ.ก็เพิ่งได้ Bally เข้ามาอยู่ในพอร์ต ที่สำคัญคือปฏิเสธที่จะให้ข่าวเกี่ยวกับการเจรจาซื้อ Topshop ด้วย
ซึ่งหลังจากนี้กลุ่มทุนดังกล่าวก็ยังทยอยซื้อแบรนด์หรูที่เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจเพิ่มขึ้น แต่มันก็ไม่ได้ง่าย เพราะปัจจุบันตลาดแบรนด์หรูที่ดังจริงๆ ยังถูกครองโดยกลุ่มใหญ่ แถมราคายังขึ้นตลอด เช่นชุดเดรสงานกลางคืนก็มีแตะ 2,500 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 78,000 บาท) แล้ว
ดังนั้นถึงทุนจีนจะซื้อมาทำตลาดกันมากขึ้น ก็จะเหลือแค่กลุ่มระดับราคาที่เอื้อมถึงให้ทำตลาดเท่านั้น จนกำไรอาจไม่เดินมาอย่างเป็นกอบเป็นกำ เพราะเวลาที่คนจีนไปต่างประเทศ เป้าหมายก็ยังเป็น Louis Vuitton หรือไม่ก็ Gucci ที่ต่างก็เป็นของกลุ่มทุนแบรนด์หรูระดับโลก ซึ่งไม่ยอมปล่อยออกมาง่ายๆ แน่
สรุป
การทำตลาดของแบรนด์หรูนั้นต้องลองมองดูกันยาวๆ ว่าทุนจีนจะยอมซื้อแบรนด์ที่ชาวจีนต้องการได้จริงหรือไม่ เพราะไม่เช่นนั้นก็จะเป็นเจ้าของแบรนด์ย่อยๆ ที่ไม่ดังมากนัก แต่ก็ยังมีคนซื้อมากกว่า ซึ่งพอทำเช่นนั้นได้ อย่างน้อยเงินก็ไม่หมุนออกไปไหน เพราะก็อยู่ในประเทศจีนอย่างเดียว
อ้างอิง // Bloomberg
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา