การแข่งขันในตลาดรถยนต์พลังงานทางเลือกของไทยยังคงคึกคัก โดยเฉพาะฝั่งค่ายรถจีนที่ต่างเปิดตัวโมเดลใหม่ และขยายกลยุทธ์อย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกัน ‘CHERY’ ซึ่งเพิ่งเริ่มทำตลาดไทยได้ไม่นาน ก็เริ่มกลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ได้รับความสนใจมากขึ้น หลังเปิดตัวรุ่น ‘V23’ และ ‘TIGGO 8’ ในวันที่ 30 กันยายน 2568 ยอดจองรวมกันทะลุ 6,000 คันแล้ว ตั้งแต่ช่วงพรีบุ๊กกิ้งถึงปัจจุบัน
ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนว่า ผู้บริโภคไทยเปิดกว้างกับแบรนด์หน้าใหม่มากขึ้น ท่ามกลางปีที่การแข่งขันในตลาดเข้มข้นเป็นพิเศษ
แรงกระเพื่อมสำคัญเริ่มจากการเปิดตัว ‘V23’ รถทรง Boxy ที่เจาะกลุ่มคนเมือง ซึ่งทำยอดจองได้กว่า 4,000 คันในระยะเวลาไม่นาน ก่อนจะได้รับแรงส่งเพิ่มจากการเข้าร่วมงาน ‘Motor Expo 2025’ ครั้งแรกของ CHERY ซึ่งทำยอดจองเพิ่มขึ้นอีกกว่า 2,000 คัน
ทำให้ยอดรวมของทั้งสองรุ่นแตะ 6,000 คันในช่วงโค้งสุดท้ายของปี ปัจจัยที่ผลักดันให้ตลาดขยับในเดือนธันวาคม รวมถึงมาตรการภาษีใหม่ที่มีผลต้นปีหน้า ซึ่งอาจทำให้รุ่นอย่าง V23 มีการพิจารณาปรับราคา
ขอเป็นแบรนด์ EV สำหรับครอบครัวไทย
แม้ตลาดรถจีนในไทยมักถูกพูดถึงในบริบทของการแข่งขันด้านราคา แต่ CHERY เลือกวางจุดยืนต่างออกไป
‘จิม ลี’ ผู้อำนวยการบริหารแบรนด์ CHERY ประเทศไทย บอกกับ Brand Inside ว่า กลยุทธ์ของ CHERY ต้องการสร้างการเติบโตระยะยาว ผ่านคุณภาพสินค้า และบริการหลังการขาย
โดย CHERY ตั้งเป้าเป็นตัวเลือกสำหรับ ‘ครอบครัวไทย’ มากกว่าการแข่งขันด้วยราคาที่ดุเดือด เช่นที่เห็นในตลาดช่วงที่ผ่านมา
เพื่อเสริมความสนใจในรุ่น ‘V23’ CHERY ได้เปิดตัวรุ่นพิเศษ ‘V23 RETROCUBE EDITION’ ภายใต้แนวคิด Classic Never Fades ตอบกลุ่มลูกค้าที่ต้องการดีไซน์เฉพาะตัว และยังมีแผนขยายไลน์อัปเพิ่มเติมในปีหน้า
เช่น ‘QQ EV’ สำหรับผู้ที่ต้องการมีรถไฟฟ้าคันแรก ‘Tang Hybrid’ รวมถึงการประกาศราคา ‘TIGGO 8 PHEV’ ซึ่งเป็นหนึ่งในรุ่นที่ถูกจับตาในตลาด SUV พลังงานทางเลือก
ด้านบริการหลังการขาย ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจซื้อรถจากแบรนด์ที่เพิ่งเข้ามาใหม่ ‘จิม’ ระบุว่า ได้เตรียมระบบรองรับไว้ล่วงหน้า ทั้งการอบรมทีมงานโดยตรงจากบริษัทแม่ การสต็อกอะไหล่รายการเปลี่ยนบ่อย และระบบจัดส่ง
โดยตั้งเป้าส่งอะไหล่ในกรุงเทพภายใน 24 ชั่วโมง และต่างจังหวัดภายใน 48 ชั่วโมง เพื่อให้ลูกค้าได้รับการแก้ปัญหาอย่างรวดเร็ว
EV ไทยโตแน่นอน
เมื่อถามถึงแนวโน้มตลาดปีหน้า ‘จิม’ ให้ความเห็นกับ Brand Inside ว่า ความต้องการรถพลังงานทางเลือกยังเติบโตต่อเนื่อง ทั้งฝั่ง EV ที่ได้รับแรงสนับสนุนจากภาครัฐ และฝั่ง Hybrid หรือ PHEV ที่ยังเป็นตัวเลือกหลักของครอบครัวไทย
เนื่องจากประหยัด และใช้งานได้หลากหลายระยะทาง จึงคาดว่าผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ในอนาคตจะมีสัดส่วน EV และ Hybrid หรือ PHEV ใกล้เคียงกัน
ภาพรวมทั้งหมดสะท้อนว่า แม้ตลาดรถจีนในไทยจะมีผู้เล่นเพิ่มขึ้น และการแข่งขันสูงขึ้น แต่ก็เปิดโอกาสให้แบรนด์ใหม่อย่าง CHERY สร้างพื้นที่ของตัวเองผ่านจุดขายที่ต่างจากคู่แข่ง
หากสามารถรักษาคุณภาพสินค้า และบริการตามที่วางกลยุทธ์ไว้ได้ CHERY ก็มีโอกาสก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในผู้เล่นหลักของตลาดรถพลังงานทางเลือกในระยะยาว
ที่มา: สัมภาษณ์พิเศษ ‘จิม ลี’ ผู้อำนวยการบริหารแบรนด์ CHERY ประเทศไทย
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา