“ชีวิต ชีวา” (Cheevit Cheeva) ร้านขนมหวาน-บิงซูแบรนด์ไทยจากเชียงใหม่ที่กำลังมาแรงในช่วงหลัง หลังจากเริ่มขยายมาเปิดร้านสาขาในกรุงเทพ จนมีสาขามากถึง 16 สาขาแล้ว บุกออกต่างประเทศไปยังไต้หวัน ก็ได้เวลาขยับขยายไปยังตลาดที่ใหญ่กว่านั่นคือ ประเทศจีน
ในยามปกติ การขยายตลาดไปยังต่างประเทศไม่ใช่เรื่องง่ายอยู่แล้ว เพราะมีความแตกต่างเรื่องวัฒนธรรม-ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคอย่างมาก และยิ่งในสภาวะไม่ปกติ ที่การเดินทางไปต่างประเทศทำได้ยาก ก็ยิ่งเป็นเรื่องยากเข้าไปอีกหลายระดับ
ชีวิต ชีวา จึงใช้วิธีพาร์ทเนอร์กับบริษัทไทยที่เชี่ยวชาญตลาดประเทศจีน และเข้าใจ “อินไซท์” ของคนจีนว่าชอบอะไร ไม่ชอบอะไร โดยเลือกบริษัท จอยเอ็นโค จำกัด (Joy N Co) ที่มีประสบการณ์นำสินค้าไทยหลายแบรนด์ เช่น ของเล่นเด็ก Plantoys, ผลไม้อบแห้ง A-fruit, เครื่องหอม Boone, ไวน์ Granmonte เข้าไปทำตลาดในจีนมาก่อน เป็นผู้ได้สิทธิารขยายสาขาของชีวิต ชีวา ในประเทศจีน
สาขาแรกของชีวิต ขีวา ในจีนจะอยู่ที่ห้างสรรพสินค้า K11 ในเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย โดยจะอยู่ในโครงการ Thai Food Hall ซึ่งจำลองบรรยากาศตลาดน้ำจากเมืองไทย มีร้านอาหารไทย ร้านขนมไทย ร้านชาไทย พื้นที่ขายสินค้าไทย ไปตั้งไว้ในพื้นที่ขนาด 660 ตารางเมตร ใช้ชื่อภาษาจีนว่า Feitaican หรือชื่อภาษาอังกฤษว่า Thaifeteria Nitinagin
นายณัฐวุฒิ ชื่นมะนา กรรมการผู้จัดการ จอยเอ็นโค บอกว่าตอนนี้กระแสขนมและอาหารไทยกำลังเป็นที่นิยมในหลายประเทศแถบเอเชีย อาหารไทยยอดนิยมในสายตาคนจีนคือ ต้มยำกุ้ง และข้าวผัดสัปปะรด แต่ฝั่งของขนมไทยยังไม่ได้เจาะตลาดจีนมากนัก
การเลือกบิงซูของ “ชีวิต ชีวา” เป็นเพราะมีความโดดเด่นเรื่องความเป็นไทย การใช้วัสดุจากขนมไทยแบบดั้งเดิมมาผสมผสานกับบิงซูยุคใหม่ เช่น บิงซูบัวลอยไข่เค็ม บิงซูลอดช่อง ถือเป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้คนต่างชาติสนใจ เพราะหาไม่ได้จากร้านขนมประเภทอื่น และแตกต่างจากบิงซูเกาหลีอย่างชัดเจน
คนจีนเองก็มีความคุ้นเคยกับการมาเที่ยวเชียงใหม่อยู่แล้ว และหาไปดูร้านอาหารแนะนำระดับ Top 10 เมืองเชียงใหม่บนเว็บไซต์ Dianping ที่เป็นรีวิวร้านอาหารของประเทศจีน ส่วนใหญ่เป็นร้านขนมหรือร้านกาแฟ ซึ่ง “ชีวิต ชีวา” ก็ติดอยู่ในชาร์ทนี้ด้วยเช่นกัน การนำแบรนด์ชีวิต ชีวา ที่คนจีนรู้จักกันในระดับหนึ่งอยู่แล้ว บวกกับรูปแบบของขนมที่เป็นเอกลักษณ์ และความเป็น “เชียงใหม่” เมืองในฝันของคนจีน (มากกว่ากรุงเทพ) ย่อมมีโอกาสเจาะตลาดคนจีนได้ไม่ยาก
คุณปาริย์สา สมศักดิ์ หุ้นส่วนของร้านชีวิต ชีวา (มารดาของคุณกันติชา สมศักดิ์ ผู้ก่อตั้งร้าน) กล่าวว่า ก่อนช่วง COVID มีนักท่องเที่ยวชาวจีนมาที่ร้านชีวิตชีวา สาขาเชียงใหม่เยอะมาก หลายคนสอบถามว่ามีสาขาที่จีนบ้างไหม เราจึงสนใจจะเข้าไปในตลาดจีน แต่หากจังหวะเวลาและโอกาศไม่ได้สักที เมื่อทางทีมจอยเอ็นโคติดต่อมา เราจึงเริ่มวางแผนงานกันจนบรรลุข้อตกลงได้ ทั้งนี้จอยเอ็นโคมีแผนงานการขยายสาขาของชีวิตชีวาในต่างประเทศที่ชัดเจน เราจึงเลือกให้จอยเอ็นโคนำชีวิตชีวาเข้าตลาดจีน
ส่วนเหตุผลที่เลือกไปอู่ฮั่นเป็นเมืองแรก แทนที่จะเป็นเมืองใหญ่อย่างปักกิ่ง หรือเซี่ยงไฮ้ คุณณัฐวุฒิระบุว่าตั้งใจเปิดตลาดหัวเมืองระดับ Tier 2 หรือ Tier 3 ก่อน เพราะการแข่งขันต่ำกว่า มีร้านอาหารไทยน้อย ตามแผนธุรกิจจึงต้องการไปเมืองอย่างอู่ฮั่น ฉางชา หนิงโป หางโจว ซัวเถา ก่อน
แต่คำว่าเมือง Tier 2 ของจีนก็ต้องบอกว่าใหญ่กว่าเมืองไทยมากแล้ว เพราะอู่ฮั่นเองมีประชากรถึง 12 ล้านคน อยู่ตรงใจกลางของประเทศจีนพอดี จึงกลายเป็นศูนย์กลางการคมนาคมทางอากาศภายในประเทศ (เทียบได้กับชิคาโกของสหรัฐอเมริกา) เป็นศูนย์กลางของรถไฟความเร็วสูง เพราะรถไฟแทบทุกสายต้องผ่านอู่ฮั่นด้วย
โครงการ Thailand Food Hall ที่อู่ฮั่นเปิดตัวแบบซอฟต์ลอนช์ในวันที่ 12 ธันวาคม 2563 นี้ ส่วนร้านชีวิตชีวาสาขาอู่ฮั่น จะเปิดบริการในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 เพราะต้องรอทีมงานจากประเทศไทยพร้อมบินไปเตรียมการ
ทางบริษัท จอยเอ็นโค บอกว่ายังมีแผนจะขยายร้านชีวิต ชีวา สาขาที่สองในจีนแล้วที่ห้าง Joycity เมืองฉางซา มณฑลหูหนาน และเตรียมไปบุกมาเลเซีย ที่ห้าง Mitsui Lalaport ที่กัวลาลัมเปอร์ ช่วงกลางปี 2564 ด้วย
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา