ไม่ปล่อยให้แบรนด์จีนตีตลาดไทยอย่างเดียว? ‘ชาตรามือ’ สู้กลับ ส่งแบรนด์ใหม่ CTM ขายชาปลูกในไทย เริ่มต้นแก้วละ 70 บาท

รอบนี้ไม่ส้มของจริง เพราะ ‘ชาตรามือ‘ เลือกส่งแบรนด์ใหม่สีเขียวตัดทองลงสู้ศึกชาพรีเมี่ยมแมสกับคนอื่นเค้าบ้างแล้ว

ระหว่างกำลังเดินห้างใหม่ใจกลางเมืองอย่าง Central Park สีลม เราก็บังเอิญไปเจอเข้ากับร้านชาหน้าตาโมเดิร์นที่ตั้งอยู่บริเวณชั้น LG ที่มีลูกค้ารอเต็มบริเวณหน้าร้าน แต่คงไม่ติดใจมากนัก ถ้าร้านไม่ได้ชื่อ CTM ที่ชวนให้หวนคิดถึงแบรนด์ชาไทยอายุกว่า 80 ปีอย่าง ‘ชาตรามือ’

ก่อนเราจะหันไปเห็น ‘พราวนรินทร์ เรืองฤทธิเดช’ ทายาทรุ่น 3 ของชาตรามืออยู่หน้าร้าน เลยมีโอกาสได้สอบถามมาเล่าให้ทุกคนฟัง

แบรนด์ชาสไตล์โมเดิร์นอย่าง CTM หรือ Captivate Tea Muse เป็นแบรนด์น้องใหม่จากเครือชาตรามือ ที่มีแรงบันดาลใจจากวัยเด็กของทายาทชาตรามือที่เติบโตมากับชาหลากหลายสายพันธุ์ อันมีต้นกำเนิดในประเทศไทย ก่อให้เกิดเป็นความเชื่อว่า “ชาที่มีต้นกำเนิดในไทยมีคุณภาพไม่แพ้ชาจากแหล่งอื่นๆ”

เมื่อตลาดชาคึกคักไปด้วยผู้เล่นไทยและเทศแบบนี้ ทายาทของชาตรามือจึงเล็งเห็นโอกาสในการเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับชาไทยที่ยังไม่เคยเล่า ด้วยการนำเสนอ ‘ชา’ อื่นๆ ที่มีต้นกำเนิดในประเทศไทยเช่นเดียวกัน เรียกว่าเป็น “ความคุ้นเคยที่แปลกใหม่” ผ่านการต่อยอดความรู้ความเชี่ยวชาญของชาตรามือที่มีประสบการณ์นานกว่า 80 ปี

“เมื่อก่อนคนไทยอาจจะนิยมดื่มชาไม่กี่ประเทศ อาจจะมีชาไทย หรือชาอิงชิงเบรกฟาสต์ แต่จริงๆ แล้วชามีหลายร้อยแบบและหลายคนก็เปิดใจลองชิมชาแบบใหม่ๆ มากขึ้น เรามองว่าเวลานี้อาจจะเป็นโอกาสได้ทุกคนได้รู้จักชาของเรามากขึ้น ให้เราได้ทดลองและนำเสนอสิ่งใหม่”

ขณะเดียวกัน ก็เป็นการโปรโมท ‘ชา’ ที่มีต้นกำเนิดจากประเทศไทยว่า “สามารถไปไกลได้มากกว่านี้” เพราะหลายๆ คนอาจจะติดภาพจำว่า ชาคุณภาพจะต้องมาจากประเทศจีน แต่จริงๆ แล้วชาที่มีต้นกำเนิดในไทยก็สามารถให้ชาคุณภาพที่มีรสชาติอร่อยเข้าถึงง่ายได้เช่นกัน

ไฮไลท์ของ CTM คือชาทุกแก้วจะผ่านการ ‘สกัด’ สดใหม่แบบแก้วต่อแก้ว

นอกจากนั้น ชาทุกสายพันธ์ภายในร้านยังใช้ ‘ชา’ ที่มีแหล่งกำเนิดภายในประเทศไทย (ยกเว้นมัทฉะ) ตามความตั้งใจที่จะเสนอ ‘ชา’ จากประเทศไทยในมุมมองใหม่ๆ อาจจะไม่ส้มเหมือนอย่างเคย เพราะเมนูของ CTM มีมากกว่า 40 เมนู ครอบคลุมชาหลากหลายชนิด

ไม่ว่าจะเป็น ชาไทย ชาขาว ชาอู่หลง ชามะลิ ชาส้มโอ ชานมต้งติ่ง ชาซีลอน ชาเอิร์ลเกรย์ ชาแดง ชาอัสสัม ชาหอมหมื่นลี้ หรือชากีวี่องุ่น ครอบคลุมรูปแบบการเสิร์ฟทั้งชาใส ชาผลไม้ ชานม และชาปั่น โดยมีท็อปปิ้งให้เลือก 6 รายการ ได้แก่ วิปปิ้งครีม ครีมชีสซีทีเอ็ม เกาลัดบด มุกป๊อปข้าวโอ๊ต มุกบุก หรือเคมบรูเล่ซีทีเอ็ม

ราคาเริ่มต้น 70 บาทต่อแก้ว ซึ่งหลายคนที่ชอบดื่มชารูปแบบนี้จะรู้ดีว่า ปกติราคาจะเริ่มต้นราว 90-100 บาท แต่ผู้บริหารชาตรามือและ CTM บอกว่า CTM อยากจะนำเสนอชาดีมีคุณภาพในราคาจับต้องได้ เพื่อให้คนไทยสามารถเข้าถึงชาคุณภาพดีได้ทุกวัน

กลุ่มเป้าหมายของ CTM อาจจะแตกต่างจาก ‘ชาตรามือ’ โดยเน้นลูกค้าอายุน้อยลง ตั้งแต่กลุ่มอายุ 20 ปีขึ้นไปจนถึงวัยทำงาน ด้วยรสชาติดื่มง่าย นั่นจึงเป็นเหตุให้รูปลักษณ์ของ CTM ออกมาร่วมสมัยและไร้กาลเวลา เพราะไม่อยากให้แบรนด์ดูเป็นแบรนด์ชาสไตล์จีนหรือฝรั่ง แต่เน้นความโมเดิร์นแทน

ส่วนเป้าหมายการขยายสาขาคาดจะสามารถเปิดได้ 2 สาขาในปีนี้ โดยมีสาขา Central Park เป็นสาขานำร่องก่อน

ต้องบอกตรงๆ ว่า ทันทีที่เห็นรูปลักษณ์ของ CTM ไปจนถึงรูปแบบของเมนูและแพ็คเกจจิ้ง ทาง Brand Inside ก็นึกถึงความคึกคักของตลาดชากลุ่มพรีเมี่ยมแมสขึ้นมาในทันที เพราะหลังจากการเข้ามาของสารพัดแบรนด์ชาพรีเมี่ยมแมสจากจีนก็ปลุกให้ตลาดนี้ตื่นขึ้นมาอย่างเต็มตัว

โดยนอกจากแบรนด์ชาสไตล์นี้จากจีนอย่าง NaiSnow, Molly Tea หรือ Chagee แล้ว ก็ยังมีแบรนด์ไทยจำนวนหนึ่งที่เป็นผู้เล่นในตลาด อย่างเช่น JIAN CHA, Nose Tea หรือ CHAGO

เมื่อ ‘ชาตรามือ’ ที่เป็นเจ้าตลาดชาไทยตัดสินใจลงมาเล่นกับเขาด้วย แน่นอนว่าย่อมเขย่าตลาดให้คึกคักขึ้นอีกแน่ๆ โดยเฉพาะเมื่อ CTM สามารถทำราคาส่วนใหญ่ให้อยู่ในระดับต่ำร้อยบาท รวมถึงชูจุดเด่นอย่างเน้นชาที่ปลูกในประเทศ แล้วคุณล่ะ ถ้าเป็นตลาดชากลุ่มนี้ คุณชอบแบรนด์ไหนที่สุด?

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา