นักท่องเที่ยวหาย-คู่แข่งเยอะ แต่ ‘ชาตรามือ’ มั่นใจ ขายของดี-ราคาสมเหตุสมผล ตั้งเป้าอีก 2 ปีทะลุ 5,000 ล้าน

ถ้าอยากกินชาไทยจะคิดถึงใคร ถ้าไม่ใช่ ‘ชาตรามือ

เรียกว่าเป็นทั้งเจ้าตลาด เป็นทั้ง Top of mind ของคนไทยมาอย่างยาวนาน เพราะนอกจากจะเข้ามาในตลาดยาวนานถึง 80 ปีแล้ว ‘ชาตรามือ’ ยังเป็นชาไทยที่หาซื้อง่าย หากินง่าย และสามารถรักษาคุณภาพ-เอกลักษณ์ของชาไทยเอาไว้ได้อย่างเข้มข้น แต่ปีนี้เป้าของชาตรามือใหญ่ขึ้นและไกลขึ้น เพราะมองไกลถึงระดับโลก

ชาไทยวัย 80 ปีที่มีรายได้ 3 พันล้าน

พราวนรินทร์ และเศรษฐิกิจ เรืองฤทธิเดช สองพี่น้องทายาทและกรรมการบริหาร แบรนด์ชาตรามือ เล่าว่า ชาตรามือ ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2488 ปีนี้จึงเป็นช่วงเวลาครบ 80 ของแบรนด์แล้ว นับตั้งแต่ก่อตั้ง ชาตรามือ เป็นแบรนด์แรกๆ ในตลาดที่พัฒนาเครื่องดื่มสูตร ‘ชาไทย’ หรือชาใส่นมและน้ำแข็งที่เหมาะกับสภาพอากาศของประเทศไทย จนกระทั่งกลายเป็น ‘ชาไทย’ สูตรต้นตำรับของชาตรามือ

นอกจากนั้น ชาตรามือยังเป็นหนึ่งในผู้นำพาชาไทยจากสตรีทฟู้ดมาสู่โมเดลร้านชาใน ‘ศูนย์การค้า’ ทำให้ชาไทยเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางมากขึ้น โดยเฉพาะในต่างประเทศ หรือเรียกได้ว่าผลักดันชาไทยเป็นเมนูที่คนทั่วโลกรู้จักและกลายเป็นซอฟเพาเวอร์

ตลอดเวลาที่ผ่านมา แนวทางธุรกิจของชาตรามือครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ไปจนถึงปลายน้ำ ด้วยการทำงานร่วมกับเกษตรผู้ปลูกชาบนดอยภาคเหนือ การผลิตจากโรงงานชาตรามือ อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย ทำให้ปลายน้ำของชาตรามือมีสินค้าจำหน่ายมาถึง 50 SKU ทั้งใน Modern Trade และ Traditional Trade รวมถึงการส่งออกไปต่างประเทศด้วย

ตอนนี้ ‘ชาตรามือ’ เป็นผู้นำตลาดชาในประเทศไทยด้วยส่วนแบ่งการตลาด 70% โดยมีสาขาในประเทศ 220 สาขาและสาขาในต่างประเทศ 114 สาขา สัดส่วนรายได้หลัก 70% มาจากในประเทศและอีก 30% มาจากหน้าร้านและการส่งออกไปในต่างประเทศ สร้างรายได้รวมราว 3,000 ล้านบาทให้กับบริษัท

เป้าหมายต่อไปของ ‘ชาตรามือ’ จึงเป็นการมุ่งสู่การเป็น ‘แบรนด์ระดับโลก’ หรือ Global Brand ให้ได้ แต่กลยุทธ์อะไรล่ะที่ชาตรามือจะใช้บ้าง

ทำของใหม่-ขยายสาขานอกประเทศ อีกสองปีมุ่งสู่เป้า 5 พันล้าน

ทายาทของ ‘ชาตรามือ’ เผยว่า ปีนี้ชาตรามือจะลุย 3 กลยุทธ์ เพื่อส่งชาตรามือไปสู่ระดับโลก พร้อมสร้างการเติบโต 20-30% มุ่งสู่รายได้ 5,000 ล้านภายในอีก 2 ปีข้างหน้า หลังจากสามารถเติบโตต่อเนื่องเฉลี่ยด้วยอัตรานี้ได้มาตลอด 5 ปี

อย่างแรก ขยายสาขาในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงขยายตลาดส่งออกด้วย ตอนนี้ชาตรามือมีสาขาอยู่ใน 21 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ จีน ฮ่องกง กัมพูชา เมียนมา บรูไน มาเลเซีย เกาหลีใต้ ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม และมีแผนจะขยายไปอีก 4 ประเทศ ได้แก่ แคนาดา ลาว เม็กซิโก อินโดนีเซีย

สำหรับสาขาในประเทศจะขยายรวมเป็น 250 สาขา เน้นขยายไปในหน้าร้านเมืองรองที่ยังไม่มีสาขามากขึ้น และสาขาต่างประเทศจะขยายเพิ่มอีกรวมเป็น 130 สาขาในปีนี้

กลยุทธ์ที่สอง คือ ‘สินค้าใหม่’ ที่ชาตรามือเตรียมจะดันออกขายภายในปีนี้ อย่างเช่น ‘ชาไทยไม่มีสี’ และ ‘ชาไทยสีธรรมชาติ’ ที่ออกมาตอบรับความต้องการของคนรุ่นใหม่ หลังจากปีที่ผ่านมา หลายคนหันมาให้ความสำคัญกับความเป็นธรรมชาติและไม่อยากดื่มชาแต่งสี

โดยราคาของชาไทยไม่มีสีจะเท่ากับราคาชาไทยปกติ แต่ราคาชาไทยสีธรรมชาติอาจจะสูงกว่าชาไทยปกติเล็กน้อย จากวัตถุดิบในการแต่งสีที่มีราคาสูงกว่า

นอกจากนั้นก็ยังมี ‘ฟังชันนัลดริงก์’ หรือ ‘เครื่องดื่มกระป๋อง’ อย่างชาไทย คอมบูฉะ เลมอน แบบสปาร์กกลิง เพื่อจับตลาดลูกค้ากลุ่มที่ชอบกินชากระป๋อง โดยจะเริ่มขายจากหน้าร้านก่อน ถ้าหากผลตอบรับก็อาจจะนำเข้าไปขายในโมเดิร์นเทรดอื่นๆ ต่อไป เริ่มขายต้นเดือนสิงหาคมนี้

และยังมีชาสำเร็จรูปแบบ 3 in 1 ที่มีรสใหม่ๆ ออกมาให้ลูกค้าที่ชอบชงรับประทานที่บ้านได้เลือกซื้อ ทั้งมัทฉะ พีช และเอิร์ลเกรย์ รวมถึงที่ผ่านมายังได้ออก ‘ไอศกรีมชาไทย’ ออกมาให้ลูกค้าได้ทดลองซื้อไปชิมด้วย

ส่วนกลยุทธ์สุดท้าย คือ การคอลแลปกับแบรนด์ไทยและต่างชาติ ต่อยอดความสำเร็จอย่างที่เคยทำมาหลายแคมเปญ ไม่ว่าจะเป็นแคมเปญร่วมกับ Brands, Universal Music, Cremo, Sushiro และ Sculture เป็นต้น

อีกหนึ่งของใหม่ของแบรนด์ คือ ‘แอปพลิเคชันชาตรามือ’ ที่เตรียมจะให้บริการภายในปีนี้ เพื่อให้ลูกค้าสามารถสั่งก่อนรับทีหลัง สะสมแต้มและรับข่าวสารจากชาตรามือได้ง่ายขึ้น

นักท่องเที่ยวจีนหาย หลายสาขากระทบจริง

ผู้บริหารของชาตรามือ ยอมรับว่า สาขาที่มีสัดส่วนนักท่องเที่ยวจำนวนมากได้รับผลกระทบจากการลดลงของนักท่องเที่ยวจริง แต่ไม่ได้ถึงขนาดทำให้ยอดขายแต่ละสาขาติดลบ เพียงแค่ไม่เติบโตมากเหมือนปกติเท่านั้น โดยเฉพาะสาขาหลักของนักท่องเที่ยวจีน อาทิ บิ๊กซีราชดำริ

โดยมองว่า สาเหตุที่ได้รับผลกระทบน้อย เพราะชาตรามือสามารถทำชาคุณภาพได้ในราคาดี ทำให้ภาพรวมของสาขาในประเทศยังคงเติบโตอยู่ แม้จะไม่หวือหวามากนัก

นอกจากนั้น ยังมีสาขานอกประเทศที่ได้รับผลกระทบ คือ ‘เมียนมา’ ซึ่งเกิดจากสภาพการเมืองและเศรษฐกิจภายในประเทศ ส่วนกัมพูชายังไม่เห็นผลกระทบเกิดขึ้น

สำหรับ ‘คู่แข่ง’ ที่เข้ามาในตลาดมากขึ้น ไม่ได้มองในแง่ลบ เพราะมองว่าคู่แข่งทำให้ตลาดชาโดยรวมใหญ่ขึ้น ทำให้แม้ลูกค้าจะแวะไปลองของใหม่บ้าง แต่เมื่อชาตรามือมีเอกลักษณ์ชัดเจนและมีจุดแข็งของตัวเองอยู่ โดยมั่นใจว่าชาตรามือเป็นชาพรีเมี่ยมที่ขายในราคาสมเหตุสมผล เข้าถึงคนได้ทุกเพศทุกวัย

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา