นี่ขายขิงหรือขายชา? ใครต่อแถวรอซื้อ CHAGEE ชาพรีเมียมจากจีนในช่วงบ่ายหลังพิธีตัดริบบิ้นเปิดร้านอย่างเป็นทางการ คุณจะต้องรอคิวถึง 530 นาที
CHAGEE หรือ ชาจี กลับมาเปิดในไทยอย่างเป็นทางการอีกครั้ง มาพร้อมคอนเซ็ปต์ Tea Bar และเปิดให้บริการแล้ววันนี้ทั้ง 3 สาขาใจกลางกรุงเทพฯ คือที่ตึกพาร์ค สีลม (Park Silom), ที่ตึกเอ็กซ์เชนจ์ ทาวเวอร์ (Exchange Tower) และที่วานิช วิลเลจ (Vanit Village)
ความเป็นมาของ CHAGEE
CHAGEE สาขาแรกอยู่ที่ คุนหมิง มณฑลยูนนาน จีน ปี 2017 แรงบันดาลใจมาจาก อยากให้การดื่มชาเป็นเหมือนจุดหลอมรวมผู้คนที่มาพบเจอกันผ่านการจิบชาตามวัฒนธรรมดั้งเดิมของจีน ตอนนี้ขยายแล้วกว่า 6,000 สาขาทั่วโลก ทั่วเอเชียแปซิฟิก ทั้งไทย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย
CHAGEE เปิดสาขาแรกเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน ปี 2017 1117 ถือเป็นเลขที่สะท้อนถึงฤกษ์ยามที่ดีขององค์กร จนนำมาใช้เป็นเวลาตัดริบบิ้น คือเวลา 11.17น. เพื่อย้ำว่าเลข 1117 มีความหมายจริงๆ ยังเอาไปตั้งเป็นรหัสพาสเวิร์ดของออฟฟิศ CHAGEE ทั่วโลก
ภาพลักษณ์ที่โดดเด่นของชาจี สะท้อนได้จากตามหน้าร้าน ไม่ว่าประเทศไหน จะมีจิตรกรรมฝาผนังผ่านภาพวาด เป็นแรงบันดาลใจจากเส้นทางขนส่งชาในอดีต โดยเรียกลวดลายนี้ว่า เส้นทางสายไหม Silk Road เป็นเส้นทางขนส่งสินค้าและชาในอดีต เป็นสัญลักษณ์ในแบรนด์ผ่านเรื่องเล่า เล่าผ่านแก้ว รวมทั้งกระเป๋าด้วย
CHAGEE เริ่มสู่ตลาดต่างประเทศปี 2018 ได้รับความนิยมมาก มีการจัดตั้งทีมเฉพาะเพื่อเปิดตลาดต่างประเทศ จากนั้นในปี 2019 ก็เริ่มขยายสาขาจากจีนไปมาเลเซีย สิงคโปร์ และไทย
ในปี 2020 CHAGEE มีสาขา 240 แห่ง ยอดขายทะลุ 2 ล้านแก้วต่อเดือน ได้รับความนิยมทั้งในและนอกจีน ในปี 2021 เริ่มรีแบรนด์ จาก Ba Wang Cha Ji เป็น CHAGEE จากนั้นในปี 2022 มีสาขาทั่วโลก 1,000 แห่ง เป็น Top 10 แบรนด์ชา ประเทศจีน เมนูซิกเนเจอร์คือ Jasmine Green Milk Tea มียอดขายสูงเกิน 20 ล้านถ้วย
ปี 2023 มี Tea Bar รูปโฉมใหม่ เป็น Brand Concept 3.0 ขยายสาขาเกิน 3,000 แห่ง มีกว่า 100 สาขานอกจีน จากนั้น ปี 2024 CHAGEE เปิด Tea Bar ที่ 13 Rue d’Amsterdam ปารีส จัดให้มีการชิมชาฟรี เปิดสาขาสิงคโปร์ที่ Orchard
CHAGEE มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่จีน สิงคโปร์ สหรัฐอเมริกา ส่วนไทยอยู่ที่ตึก G Tower, ห้องเทรนนิงอยู่ตึกฟอร์จูน
Tea Bar Experience
มีการตกแต่งร้านด้วยไม้ มีเรื่องเล่าผ่านจิตกรรมฝาผนังผ่านร้าน เฟอร์นิเจอร์ มีแสงสีที่นุ่มนวล สบายตา มีการชงชาที่ใช้เสียงน้ำเข้ามาช่วยทำให้ชามีรสชาติอร่อย เป็นวัตถุดิบสำคัญของร้าน ควบคุมคุณภาพทุกแก้วผ่านการกำหนดอายุชา เพื่อควบคุมกลิ่น ไม่ให้กลิ่นไม่ตรงตามมาตรฐาน สมมติว่าถ้าชงชาไว้เกิน 4 ชั่วโมง จะไม่ใช้ชานั้นเลย จะรักษาคุณภาพให้ลูกค้า มีความโมเดิร์นผ่านวิธีการชงที่ทันสมัย ทำให้การจิบชามีมติ เหมาะกับคนรุ่นใหม่ ไม่น่าเบื่อ
นอกจากนี้ ยังมีสาขาที่เปิดโอกาสให้ Tea Barista ที่เป็นผู้บกพร่องทางการได้ยินที่จีนด้วย เรียกว่า Signing Stores รวม 3 สาขาในจีน ใช้ภาษามือผ่านรูปภาพและการเขียน มี Pet-Friendly Stores เพื่อให้นำน้องหมาน้องแมวที่เป็นสัตว์เลี้ยงของลูกค้าเข้าจิบชาร่วมกับลูกค้าได้ด้วย ตอนนี้มีที่จีนอยู่ ยังไม่มีในไทย
CHAGEE วัตถุดิบหลักคือ Tea base กว่าจะเป็นชาสกัดได้ ต้องเป็นชาใบก่อน ซึ่งชาใบผ่านการสกัด 2 รูปแบบ ไม่ผ่านการ reprocess และชาที่ผ่านการ reprocess
การ reprocess คือการตกแต่งกลิ่น เช่น กลิ่นดอกไม้ กลิ่นที่ธรรมชาติไม่ได้ออกมากับใบชา แต่ไม่ใช่การใส่สารเคมีลงไป
ในส่วนของนม จะมีการคัดสรรนมที่เมื่อชงกับเครื่องดื่ม ทำให้เข้ากันและรสชาติดี คอนเซ็ปต์ของ CHAGEE ใช้นมตามมาตรตฐานที่กำหนดเท่านั้น ส่วนครีมเมอร์ จะไม่มีปริมาณไขมันที่สร้างผลเสียต่อร่างกาย ส่วนความหวาน ใช้น้ำตาลที่ผ่านการผลิตที่ไม่เติมกลิ่นลงไป
ใน 1 แก้ว จะประกอบด้วย 3 Zero คือ 0 Artificial flavouring Tea base, 0 Artificial Sweeteners และ 0 Health Calorie Calculator
สำหรับชานมสด (Fresh Milk Tea) มี 7 รสชาติ (บางประเทศอาจมีมากกว่านี้), มีชาชงสด (Brewed Tea) 5 รสชาติ และชาที่ผสมนมและน้ำตาล (Teaspresso Latte) มี 2 รสชาติ
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา