รู้หรือไม่ การค้าระหว่าง ‘ไทย’ และ ‘อิตาลี’ มีมูลค่ารวมกันถึง 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 1.6 แสนล้านบาท?
ปฏิเสธไม่ได้ว่า สินค้าและวัฒนธรรมจากอิตาลีเป็นสิ่งที่คนไทยหลายคนคุ้นเคยเป็นอย่างดี ทั้งในแง่ของอาหารการกิน เช่น พิซซ่า ไวน์ และพาสต้า หรือแบรนด์เนมต่างๆ
หากมาดูแค่การค้าระหว่างไทยกับอิตาลีในหมวด ‘สินค้าแฟชั่น’ จะเห็นเลยว่า ผลิตภัณฑ์ประเภทนี้นับเป็นราวๆ 25% ของมูลค่าการค้าทั้งหมด หรือคิดเป็น 3.9 หมื่นล้านบาท โดยมูลค่าสินค้าแฟชั่นที่ไทยนำเข้าจากอิตาลีอยู่ที่ประมาณ 2.7 หมื่นล้านบาทเลย
นอกจากสินค้าแฟชั่นแล้ว ไทยเรายังนิยมใช้สินค้าจากอิตาลีในหมวดอื่นๆ ด้วย เช่น
- มูลค่าสินค้าประเภท ‘ของใช้ภายในบ้าน’ (Homeware) ที่ไทยนำเข้าจากอิตาลีอยู่ที่เกือบๆ 3.2 พันล้านบาท
- มูลค่าสินค้าประเภท ‘เครื่องสำอาง’ (Cosmetics) ที่ไทยนำเข้าจากอิตาลีอยู่ที่ราวๆ 2.4 พันล้านบาท
- อิตาลีเป็นประเทศที่ส่งออก ‘แว่น’ (Eyewear) มายังไทยมากที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจากจีน
‘เปาลา กีดา’ ข้าหลวงพาณิชย์ ประจำสำนักงานพาณิชย์อิตาเลียนประจำประเทศไทย เล่าว่า แม้เศรษฐกิจไทยจะชะลอตัวลง แต่เศรษฐกิจทั้งโลกก็เป็นเช่นนั้นหมด และการค้าในแต่ละภาคส่วนอาจขึ้นลงต่างกันไป
เปาลามองว่าสินค้าลักชูรี เช่น แฟชั่น เครื่องประดับ รองเท้า หรือกระเป๋า รวมถึงอาหารและไวน์อาจเป็นส่วนที่ไทยนำเข้าจากอิตาลีเพิ่มได้ เนื่องจากเป็นสินค้าที่คนไทยให้ความสนใจ ประกอบกับการที่ไทยยังมีนักท่องเที่ยวจากฝั่งยุโรปและสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของสินค้าเหล่านี้ เดินทางเข้ามาอยู่บ้าง
ด้วยเหตุนี้ ทาง ‘ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล’ จึงร่วมกับสถานเอกอัครราชทูตอิตาลีประจำประเทศไทย และสำนักงานพาณิชย์อิตาเลียนประจำประเทศไทย ในการจัดงาน ‘Central Dolce Italia’ เป็นปีที่ 3 เพื่อฉลองความงดงามของวัฒนธรรมอิตาลี ภายใต้หลังคาเดียวในห้าง ‘เซ็นทรัล ชิดลม’
งานนี้คืออะไร? มาดูกัน
รวมแบรนด์อิตาเลียนกว่า 72 เจ้า คาดยอดขายเพิ่ม 69% และเจาะใจ Gen Z กว่าเดิม
‘ธาพิดา นรพัลลภ’ กรรมการผู้จัดการฝ่ายบริหารสินค้าออมนิชาแนล กลุ่มห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ในเครือเซ็นทรัลรีเทล เผยว่า ในปีนี้ Central Dolce Italia มาในคอนเซ็ปต์ ‘A Celebration of Italian Excellence’ ที่มาพร้อมกับการตกแต่งสไตล์เมืองริมทะเล พร้อมบูธในดีไซน์เรือ และการรังสรรค์ร้านค้าเล็กๆ เสมือนเดินเที่ยวอยู่ในตลาดอิตาเลียน
สำหรับปีนี้ Central Dolce Italia ได้รวบรวมแบรนด์ดังจากอิตาลีมากว่า 72 เจ้า ครอบคลุมทุกหมวดหมู่ อาทิ
- แบรนด์ที่มีเฉพาะห้างเซ็นทรัล: Moschino Kids, EA7, Emporio Armani
- แบรนด์แฟชั่น: Versace, Armani, Gucci, Miu Miu, DOLCE&GABBANA, Fendi, Prada
- แบรนด์ของใช้ภายในบ้าน: Dr. Vranjes, Bialetti, Flonal, Pedrini
- แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้า: SMEG, Gaggia, Illy, De’Longhi
- แบรนด์ความงาม: D&G, Valentino Beauty, Bvlgari, Ferragamo Fragrance
- แบรนด์แว่นตา: Gucci, Prada, DOLCE&GABBANA, Ferrari Cavallino, Brunello Cucinelli
นอกจากนั้น ยังมีแบรนด์ท้องถิ่นส่งตรงจากอิตาลีอีก 5 แบรนด์ ประกอบด้วย Manebi, Prosperine, Mauna-Kea, Arcadia และ IURI
“งานนี้ไม่เพียงแต่รวบรวมที่สุดของแบรนด์อิตาลี และประสบการณ์ช็อปปิ้งสุดเอ็กซ์คลูซีฟ แต่ยังตอกย้ำบทบาทของเราในฐานะผู้นำตลาดค้าปลีก ที่มีส่วนผลักดันประเทศไทยสู่การเป็น Global Shopping Destination” ธาพิดากล่าว
เปาลา ในฐานะตัวแทนจากสำนักงานพาณิชย์อิตาเลียนประจำประเทศไทย ก็มองว่า งาน Central Dolce Italia สะท้อนถึงความมุ่งมั่นขององค์กรในการผลักดันสินค้าอิตาลี ให้เป็นที่รู้จักในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง หลังจากประสบความสำเร็จอย่างมากในปี 2023
“เราตั้งเป้าที่จะเชื่อมโยงลูกค้าไทยกับแบรนด์อิตาลีระดับโลก กระตุ้นการจับจ่าย และสร้างประสบการณ์ที่เข้าถึงวัฒนธรรมอิตาลีอย่างแท้จริง” เปาลาเชื่ออย่างนั้น
ในปีที่ผ่านมา ธาพิดาเผยว่า งาน Central Dolce Italia ได้ผลตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี โดยสังเกตด้วยว่าในทุกปี จะสามารถตกลูกค้า Gen Z มากขึ้น เพราะอย่างในปี 2024 ยอดใช้จ่ายต่อบิลต่อคนของคนกลุ่มนี้ก็ขยับจาก 6,000 บาทมาเป็น 9,000 บาทแล้ว พร้อมคาดว่าปี 2025 ตัวเลขอาจมากขึ้นไปอีก
ที่สำคัญ ธาพิดาหวังว่า งาน Central Dolce Italia ในปีนี้จะช่วยเพิ่มยอดขายสินค้าแบรนด์อิตาเลียนได้ถึง 69% เลย
พาทัวร์ขึ้นเหนือล่องใต้ พร้อมกิจกรรมมากมายให้ได้ดื่มด่ำกับวัฒนธรรมอิตาลี
ธาพิดาบอกว่า งานนี้ไม่ได้เน้นให้ลูกค้าเข้ามาช็อปปิ้งอย่างเดียว เพราะห้างเซ็นทรัลตั้งใจสร้างประสบการณ์การสัมผัสวัฒนธรรมอิตาลีแบบเต็มรูปแบบ พร้อมกิจกรรมมากมายในห้างเซ็นทรัล ชิดลม เช่น
- A TASTE OF LA DOLCE VITA เปิดประสบการณ์การชิมไวน์และเครื่องดื่มชั้นเลิศจากอิตาลี โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
- Mozza Aperitivo Happy Hour ที่จะมาเสิร์ฟรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของอิตาลี
- Italiano Americano จาก % Arabica Bar ที่รังสรรค์พิเศษเฉพาะงานนี้เท่านั้น
- กิจกรรมอื่นๆ ทั้ง เวิร์กช็อป งานคราฟต์ การแสดงดนตรีสด ไปจนถึงเมนูและบริการพิเศษจากแบรนด์ระดับโลก
แม้เซ็นทรัลจะจัดงาน Central Dolce Italia เป็นปีที่ 3 แล้ว แต่ปีนี้ไม่เหมือนปีก่อนๆ เนื่องจาก ธาพิดาขอยกทัพงานไปยังเซ็นทรัล เชียงใหม่ และเซ็นทรัลภูเก็ตด้วย นับเป็นปีแรกที่บริษัทไปจัดในต่างจังหวัดเลย
สำหรับใครที่สนใจ สามารถไปสัมผัสประสบการณ์อิตาลีได้ตั้งแต่วันนี้ – 30 กันยายน 2025 ณ ห้างเซ็นทรัล ชิดลม ต่อด้วยห้างเซ็นทรัล เชียงใหม่ ในวันที่ 10 – 16 ตุลาคม 2025 ก่อนจะไปปิดจบที่ห้างเซ็นทรัล ภูเก็ต ในวันที่ 24 – 31 ตุลาคม 2025
- The Store of Bangkok เซ็นทรัลชิดลม ลงทุน 4,000 ล้านบาท ปรับโฉมสู่ห้างลักชัวรีระดับโลกใจกลางกรุงเทพ ฯ
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา