“เซ็นทรัล” เลิกแบ่งแผนก หันใช้ Lifestyle จัดหมวดสินค้า หลังผู้บริโภคไม่มาห้างแค่ซื้อของ

หลังจากกลุ่มเซ็นทรัลประกาศวิสัยทัศน์ปี 2560 ไปเมื่อสัปดาห์ก่อน (ติดตามได้ที่นี่) มาวันนี้ทางห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ก็ออกมาประกาศแผนธุรกิจหลังจากนี้ว่าจะต้องปรับอะไรบ้าง โดยหนึ่งในนั้นคือการจัดวางสินค้า

หมีขาว สัญลักษณ์แทนห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล และเป็นตัว Sticker ใน Line Official Account

แค่ดิจิทัลไม่พอ ตัวห้างก็ต้องปรับด้วย

สำหรับภาพรวมวิสัยทัศน์ของกลุ่มเซ็นทรัลนั้นจะเน้นเรื่องดิจิทัล และการเดินกลยุทธ์ต่างๆ ล้อไปกับนโยบาย Thailand 4.0 แต่ถ้าเจาะไปที่ตัวธุรกิจห้างสรรพสินค้า การเดินหน้าเรื่องดิจิทัลก็เป็นหนึ่งในแผนหลัก เพราะการนำสินค้าไปจำหน่ายในโลกออนไลน์ย่อมตอบโจทย์ผู้ซื้อในยุคนี้ได้มากขึ้น แต่ถึงอย่างไรด้วยการมีห้างสรรพสินค้าในมือ 22 สาขา ทำให้การจะทิ้งสาขาเหล่านั้นเฉยๆ โดยไม่พัฒนาให้ตามยุคสมัยคงไม่ใช่ ดังนั้นในแผนธุรกิจของตัวห้างปีนี้จึงเตรียมลงทุนรวมกันมากกว่า 4,000 ล้านบาท

ปิยวรรณ ลีละสมภพ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการตลาด บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด เล่าให้ฟังว่า จากนี้ไปตัวห้างจะไม่ได้ขายแค่สินค้า แต่เน้นขายประสบการณ์มากกว่า โดยปีนี้เตรียมงบประมาณราว 3,000-4,000 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงรูปแบบภายในห้างสรรพสินค้า โดยเฉพาะการจัดวางสินค้าจากเดิมที่วางตามประเภท ก็จะเปลี่ยนเป็นจัดวางโดยอิง Lifestyle ดังนั้นอาจเห็น Gadget ต่างๆ อยู่ในบริเวณจำหน่ายเสื้อผ้าผู้หญิง รวมถึงของเล่นที่ผู้ชายสะสม ก็อาจมาอยู่ในชั้นเสื้อผ้าผู้ชายเช่นกัน จากเดิมที่ทั้งสองสิ่งนี้ถูกแยกออกจากกันมานาน

ปิยวรรณ ลีละสมภพ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการตลาด บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด

“Customization และ Personalize คือจุดที่ตัวธุรกิจ Brick & Mortar อย่างเซ็นทรัลต้องทำ เพราะปัจจุบันสินค้าต่างๆ สามารถหาซื้อได้ผ่านช่องทางออนไลน์ แต่ประสบการณ์ หรือการพบปะกินข้าวไม่สามารถหาได้จากออนไลน์ได้ ดังนั้นตัวห้างต้องคงจุดนี้ไว้ เช่นเราจัดกิจกรรมทุกวันเสาร์ที่สองของทุกเดือนให้เป็นวันเด็ก และดึงครอบครัวมาใช้เวลาด้วยกัน ก่อนสร้างเป็น Centrality และงบ 3,000-4,000 ล้านบาท จะถูกใช้เพื่อเปิดห้างใหม่ที่โคราช และปรับปรุงสาขาพระราม 3 ด้วย แต่ถึงอย่างไรก็ยังลงทุนเรื่องแพลตฟอร์มออนไลน์หลายร้อยล้านบาท”

ออนไลน์เริ่มสำคัญ เพราะห้างอาจเป็นแค่โชว์รูม

อย่างไรก็ตามมีบทวิเคราะห์หลายตัวรายงานว่า อีกไม่กี่ปีข้างหน้า บทบาทของ Ecommerce จะมากขึ้นเรื่อยๆ และตัวห้างสรรพสินค้าดั้งเดิมก็จะกลายเป็นแค่โชว์รูม ดังนั้นวิธีการดึงผู้บริโภคเข้ามายังห้างก็ต้องใช้ Lifestyle พร้อมสร้าง Community รวมถึงประสบการณ์ที่หาไม่ได้จากที่ไหน ซึ่งทางเซ็นทรัลกำลังทำอยู่ตอนนี้ ส่วนทางฝั่งออนไลน์นอกจากลงทุนแพลตฟอร์ม Ecommerce ภายใต้ชื่อ Central.co.th กว่าร้อยล้านบาทในปีนี้ และใช้งบการตลาดเพื่อสื่อสารแบรนด์ผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น

ห้างเซ็นทรัล สาขาวังบูรพา

สำหรับงบการตลาดของทางห้างตั้งไว้ที่ 1,500-1,700 ล้านบาท ใช้ผ่านช่องทางออนไลน์ถึง 25% จากปี 2559 ที่ใช้ไปกับออนไลน์เพียง 7% โดยวิธีเข้าถึงผู้บริโภคด้วยโลกออนไลน์จะใช้โฆษณาบน YouTube และ Facebook รวมถึงการเปิด Line Official Account เพื่อสื่อสารกับผู้บริโภคโดยตรง ซึ่งภายใน Line Official Account นั้นจะมีตัวเลือกให้ผู้ใช้เชื่อมต่อบัญชีกับบัตรสมาชิก The 1 Card ที่ปัจจุบันมีกว่า 11 ล้านสมาชิก เพื่อให้บริษัทสามารถทำตลาดได้ถึงระดับตัวบุคคล

Synergy ทุกช่องทางปั้นธุรกิจโต 10%

ส่วนรายได้ของบริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด ตั้งเป้าเติบโต 10% จากปี 2559 ที่ทำได้ 47,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเพียง 4.3% ไม่ถึงเป้าหมาย 10% ที่ตั้งไว้ โดยการวางกลยุทธ์ใหม่, มองช่องทางออนไลน์เป็นอีกสาขาหนึ่งของห้าง และการเชื่อมต่อทุกช่องทางเข้าด้วยกันจนเป็น Omni Channel เต็มรูปแบบ น่าจะทำให้บริษัทเติบโตได้ตามเป้าหมาย และมีรายได้จากช่องทางออนไลน์ 15% ภายใน 5 ปี จากเดิมที่อยู่ 1% ได้ ผ่านจำนวนรายการสั่งซื้อ 3 ล้านรายการ/ปี และมีสินค้า 5 ล้าน SKU อยู่บนออนไลน์

หน้าเว็บไซต์ Central Online

สรุป

เซ็นทรัลเป็นห้างสรรพสินค้าที่อยู่คู่นไทยมานาน และการปรับตัวของธุรกิจห้างสรรพสินค้าครั้งนี้ก็แสดงให้เห็นถึงโลกที่หมุนเร็วจนขนาดรายใหญ่อย่างเซ็นทรัลยังต้องปรับตัว จึงเชื่อว่าการปรับตัวครั้งนี้น่าจะสร้างผลดีกับเซ็นทรัล และสามารถเติบโตอย่างยั่งยืนได้ต่อไป

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา