การจำหน่ายรถยนต์สมรรถนะสูง หรือ Supercar ที่คันละกว่า 20 ล้านบาทนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่ Cavallino Motors ตัวแทนจำหน่าย Ferrari ในไทยกลับใช้ความน่าเชื่อถือ และสร้างยอดขายในแต่ละปีได้มหาศาล
ตลาดกำลังซื้อสูงที่ทุกแบรนด์มองข้ามไม่ได้
ภาพรวมตลาด Supercar ของประเทศไทยในปัจจุบันก็มีหลายแบรนด์เข้ามาทำธุรกิจจริงจัง เช่น Lamborghini และ McLaren ทั้งยังมีผู้นำเข้ารายย่อยที่เห็นโอกาสสร้างรายได้จากรถยนต์ประเภทนี้ด้วยเหมือนกัน เพราะ Supercar แต่ละคันนั้นมีมูลค่าสูงเกิน 20 ล้านบาท และคนที่ซื้อได้ต้องมีอิสรภาพทางการเงินจริงๆ
และเมื่อปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัวไม่สามารถสร้างผลกระทบให้กับคนกลุ่มนี้เท่าไรนัก ทำให้ตลาด Supercar ในไทยยังเติบโตเรื่อยๆ ตัวอย่างที่เห็นชัดที่สุดก็คงเป็นแบรนด์ Ferrari ที่มี Cavallino Motors เป็นตัวแทนจำหน่าย เพราะในระยะเวลาเพียง 9 ปีก็สามารถเพิ่มจำนวน “ม้าลำพอง” ในไทยจาก 350 คัน เป็น 700 กว่าคันเลยทีเดียว
วรวุฒิ ภิรมย์ภักดี รองประธานบริษัท และกรรมการบริหาร บริษัท คาวาลลิโน มอเตอร์ จำกัด เล่าให้ฟังว่า การทำตลาด Supercar ในประเทศไทยต้องอาศัยความน่าเชื่อถือ รวมถึงเรื่องบริการหลังการขายต้องดีที่สุด เพราะคนที่ซื้อรถยนต์ราคา 20 ล้านบาทขึ้นไปต่างต้องการสิ่งที่ดีที่สุดให้เทียบเท่ากับเงินในกระเป๋าที่เสียไป
ไม่หวั่นการแข่งขันกับกลุ่มนำเข้าอิสระ
“ตั้งแต่เราได้รับการแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายของ Ferrari อย่างถูกต้องเมื่อ 9 ปีก่อน ถึงตอนนี้เราก็แทบจะ Dominate แบรนด์ Ferrari ในไทยแล้ว เพราะเรายกระดับเรื่องบริการหลังการขายขึ้นมามาก และมันช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผู้ที่กำเงิน 20 กว่าล้านบาทมาซื้อ ทำให้เราไม่ได้หวั่นใจเรื่องผู้นำเข้าอิสระมาแข่งขันมากนัก”
สำหรับ Ferrari ในประเทศไทยที่จำหน่ายโดย Cavallino Motors ปัจจุบันมีทั้งหมด 3 รุ่นหลัก และ 6 รุ่นย่อย แบ่งเป็นรถสปอร์ตเครื่องวางกลาง 1 รุ่นคือ 488 คิดเป็นยอดขาย 85% ของบริษัทในแง่จำนวน ที่เหลือเป็นกลุ่มรถสปอร์ตเครื่องวางหน้าคือ 812 Superfast และ GTC4Lusso ราคาขายเฉลี่ยของทุกรุ่นอยู่ที่ 25-27 ล้านบาท
และล่าสุด Cavallino Motors ได้นำเข้ารถกลุ่ม Gran Turismo รุ่นใหม่ Portofino รถสปอร์ตเปิดประทุนหลังคาแข็งเครื่องยนต์ V8 กำลังสูงสุด 600 แรงม้า อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ใน 3.5 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้มากกว่า 350 กม./ชม. ราคาเริ่มต้นราว 20 ล้านบาท สามารถรับรถได้เร็วที่สุดภายใน 3 เดือนหลังสั่งซื้อ
กำแพงภาษียังเป็นเรื่องหนักใจของ Supercar
“Portofino จะเข้ามาแทนที่ California ที่ทำตลาดมาแล้ว 5 ปี และน่าจะประสบความสำเร็จใกล้เคียงกับรุ่นนั้น เพราะด้วยความสะดวกในการขับขี่กว่ารถสปอร์ตเครื่องวางกลางทำให้เราตั้งเป้ายอดขายที่ 50 คันภายใน 4-5 ปี และคิดเป็น 25-30% ของยอดขายบริษัทในแง่จำนวน ส่วนปีนี้คาดว่าจะมีภาพรวมยอดขายเพิ่มขึ้น 25%”
อย่างไรก็ตามเพื่อรองรับรถยนต์ Ferrari ที่มีจำนวนมากขึ้น Cavallino Motors จึงตัดสินใจลงทุนกว่า 100 ล้านบาท เพื่อยกระดับศูนย์บริการหลังการขาย แบ่งเป็น 2 ระยะคือ ภายในสิ้นปีนี้จะขยายพื้นที่ซ่อมบำรุงแบบ Quick Service เช่นตั้งศูนย์ถ่วงล้อ รวมถึงบริการซ่อมตัวถัง และระยะที่ 2 อาจมีบริการซ่อมสีเพิ่มเข้ามา
เพราะปัจจุบันการซ่อมตัวถังต้องส่งไปซ่อมที่สิงคโปร์ รวมถึงคู่แข่ง Supercar อื่นๆ ก็มีบริการซ่อมสีแล้ว ในทางกลับกันแม้ประเทศไทยจะมีภาษีนำเข้า Supercar สูงถึง 300% มากที่สุดในภูมิภาคนี้ แต่ไทยก็ยังมียอดขาย Ferrari เป็นอันดับ 1 แสดงให้เห็นความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยกับ Supercar นั้นยังมีอยู่
สรุป
Supercar คือรถยนต์ในฝันของใครหลายคน และเมื่อเสียเงินซื้อสักคันหนึ่งแล้วก็คงต้องการสิ่งของ และบริการที่ดีที่สุด ดังนั้นหากผู้นำเข้าแสดงให้เห็นถึงความน่าเชื่อถือ เรื่องการที่ผู้บริโภคไปซื้อกับผู้นำเข้าอิสระก็คงไม่มี จึงเชื่อว่า Cavallino Motors น่าจะสามารถทำตลาดได้อีกไกล และยิ่งมีข่าวลือว่า Ferrari จะเปิดตัว SUV แบรนด์ “ม้าลำพอง” ก็น่าจะมีสีสันมากขึ้นแน่นอน
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา