
NETA V ถือเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่เข้ามาสร้างปรากฏการณ์ในตลาดรถยนต์ไทย ด้วยราคาที่เข้าถึงง่ายและขนาดตัวรถที่ตอบโจทย์การใช้งานในเมือง ทำให้กลายเป็นขวัญใจของคนที่อยากเริ่มต้นใช้รถ EV อย่างรวดเร็ว และล่าสุดกับการมาถึงของ NETA V-II รุ่นปรับโฉมใหม่ ที่มาพร้อมออปชันและหน้าตาที่สดใหม่ยิ่งขึ้น ก็ทำให้หลายคนต้องชั่งใจว่าจะเลือกรุ่นไหนดี บทความนี้จะพาไปเทียบกันแบบหมัดต่อหมัด ให้เห็นทุกความแตกต่างเพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
ทำความรู้จัก NETA V และ NETA V-II
NETA V คือรถยนต์ไฟฟ้า Compact Crossover 5 ประตูรุ่นบุกเบิกที่เน้นความคุ้มค่าเป็นหลัก ชูจุดเด่นด้วยราคาที่จับต้องได้ง่ายที่สุดในตลาด EV ทำให้เป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ สำหรับผู้ที่ต้องการรถยนต์ไฟฟ้าคันแรก
NETA V-II คือรุ่น Minor Change หรือรุ่นปรับโฉมของ NETA V ที่ยังคงพื้นฐานเดิม แต่มีการปรับเปลี่ยนดีไซน์ภายนอกและภายในให้ดูทันสมัยยิ่งขึ้น พร้อมทั้งเพิ่มฟังก์ชันและระบบความปลอดภัยที่สำคัญเข้ามา เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภคที่ต้องการออปชันที่ครบครันมากขึ้น
เปรียบเทียบความต่าง NETA V กับ NETA V-II
แม้จะดูคล้ายกัน แต่ทั้งสองรุ่นมีความแตกต่างในรายละเอียดที่สำคัญหลายจุด ซึ่งส่งผลต่อการตัดสินใจโดยตรง

ขุมพลังการขับขี่
ทั้งสองรุ่นยังคงใช้มอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchronous ตัวเดียวกัน ให้กำลังสูงสุด 95 แรงม้า แรงบิด 150 นิวตันเมตร อัตราเร่งจึงไม่แตกต่างกัน แต่จุดที่เปลี่ยนไปคือขนาดของแบตเตอรี่ โดย NETA V รุ่นเดิมใช้แบตเตอรี่ขนาด 40.7 kWh วิ่งได้ไกลสุด 384 กม. (มาตรฐาน NEDC) ส่วน NETA V-II มีการปรับขนาดแบตเตอรี่ลงเล็กน้อยเป็น 36.1 kWh ทำให้ระยะทางวิ่งลดลงเล็กน้อยที่ 382 กม. (มาตรฐาน NEDC) ซึ่งในการใช้งานจริงแทบไม่รู้สึกถึงความแตกต่าง
การออกแบบและดีไซน์ภายนอก
นี่คือจุดที่เห็นความแตกต่างได้ชัดเจนที่สุด NETA V รุ่นเดิมมาพร้อมดีไซน์เรียบง่าย ไฟหน้าแบบโปรเจกเตอร์ฮาโลเจน ส่วน NETA V-II ได้รับการปรับโฉมให้ดูโฉบเฉี่ยวและทันสมัยขึ้นอย่างชัดเจน
- ไฟหน้า อัปเกรดเป็น Projector LED ที่ให้ความสว่างและดูสวยงามกว่า
- กันชนหน้า-หลัง ถูกออกแบบใหม่ให้มีมิติและดูสปอร์ตมากขึ้น
- ไฟท้าย เปลี่ยนเป็นแบบ Through-type LED ลากยาวตามสมัยนิยม ทำให้ตัวรถดูโดดเด่นและมีราคาแพงขึ้น
- ที่ปัดน้ำฝนหลัง NETA V-II มีการติดตั้งที่ปัดน้ำฝนด้านหลังมาให้จากโรงงาน ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายคนต้องการในรุ่นเดิม
การออกแบบภายในห้องโดยสาร
โครงสร้างภายในยังคงคล้ายเดิมด้วยหน้าจอสัมผัสแนวตั้งขนาดใหญ่ที่เป็นเอกลักษณ์ แต่ NETA V-II มีการอัปเกรดฟังก์ชันสำคัญที่ตอบโจทย์การใช้งานในปัจจุบันมากขึ้น
- การเชื่อมต่อ NETA V-II รองรับ Apple CarPlay ในขณะที่รุ่นเดิมใช้การเชื่อมต่อผ่านแอปพลิเคชัน CarbitLink
- Wireless Charger มีการเพิ่มแท่นชาร์จสมาร์ทโฟนแบบไร้สายเข้ามาให้ในรุ่น V-II เพื่อความสะดวกสบาย
- เบาะนั่งโดยสารคู่หน้า รุ่น V-II มีการปรับเบาะคนขับให้สามารถปรับได้ 6 ทิศทาง จากเดิมที่ปรับได้ 4 ทิศทาง
- สีภายใน NETA V-II มีการเพิ่มตัวเลือกสีภายในใหม่ ๆ ที่เข้าคู่กับสีภายนอก
ระบบความปลอดภัย
NETA V รุ่นเดิมมีระบบความปลอดภัยพื้นฐานมาให้ครบครัน เช่น ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ระบบเบรก ABS และระบบควบคุมการทรงตัว แต่ NETA V-II ในรุ่นท็อป (Smart) ได้ยกระดับความปลอดภัยขึ้นไปอีกขั้นด้วยการเพิ่มระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง หรือ ADAS เข้ามา ซึ่งประกอบด้วย
- Adaptive Cruise Control ระบบควบคุมความเร็วแปรผันตามรถคันหน้า
- Forward Collision Warning ระบบเตือนการชนด้านหน้า
- Automatic Emergency Braking ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ
- Lane Departure Warning ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกเลน
ราคา

ราคาเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการตัดสินใจ โดยแต่ละรุ่นมีราคาจำหน่ายดังนี้
- NETA V ราคา 499,000 บาท
- NETA V-II Lite ราคา 549,000 บาท
- NETA V-II Smart ราคา 569,000 บาท
ส่วนต่างราคาประมาณ 50,000 – 70,000 บาท แลกกับดีไซน์ที่สวยขึ้นและออปชันที่เพิ่มเข้ามาอย่าง Apple CarPlay และไฟหน้า LED ในขณะที่รุ่น Smart จะได้ระบบ ADAS เต็มรูปแบบ
สรุปบทความ
การเลือกระหว่าง NETA V และ NETA V-II ขึ้นอยู่กับงบประมาณและสิ่งที่ให้ความสำคัญ หากคุณเน้นความคุ้มค่าสูงสุดและต้องการจ่ายน้อยที่สุด NETA V รุ่นเดิมยังคงเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม แต่หากยอมเพิ่มเงินอีกนิด NETA V-II Lite จะให้ความสดใหม่และฟังก์ชันที่จำเป็นครบครัน ส่วน NETA V-II Smart เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเทคโนโลยีความปลอดภัยสูงสุด
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา