เปิดกลยุทธ์ แคนนอน กับแผนครองเบอร์ 1 เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท ด้วยการแคนเซิลเรื่องยากในการพิมพ์

ภาพรวมตลาดเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท กว่า 8.4 แสนเครื่อง ยังมีการแข่งขันกันสูง แต่ละแบรนด์ต่างมีจุดแข็งที่แตกต่างกัน ซึ่ง แคนนอน ในฐานะเบอร์ 1 ของตลาดนี้ ย่อมมีหน้าที่หลักคือพัฒนานวัตกรรมใหม่เพื่อผลักดันตลาดให้เติบโต

ทำให้ปี 2023 แคนนอน เลือกเดินหน้าแคมเปญ แคนเซิลทุกเรื่องยาก ด้วยแคนนอนพริ้นเตอร์ ผ่านการสื่อสารเรื่องราวการแก้ปัญหาการพิมพ์ในหลายแง่มุม พร้อมเปิดตัวเครื่องพิมพ์หลายรุ่นเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าแต่ละกลุ่ม

รายละเอียดเชิงลึกของแคมเปญดังกล่าวจะเป็นอย่างไร เครื่องพิมพ์รุ่นใหม่ ๆ จะมีแบบใดบ้าง และ แคนนอน จะรักษาตำแหน่งผู้นำในตลาดนี้ได้อย่างไร ลองมาหาคำตอบไปด้วยกัน

Canon

แคนนอน กับการรักษาเบอร์ 1 ในตลาดเครื่องพิมพ์

ฮิโรชิ โยโกตะ ประธานบริษัท และประธานกรรมการบริหาร บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด เล่าให้ฟังว่า หลังจากช่วงโรคโควิด-19 ระบาด ส่งผลให้ซัพพลายสินค้าของบริษัทมีปัญหา แต่ปัจจุบันปัญหาดังกล่าวได้จบลงแล้ว ทำให้บริษัทมีความพร้อมในการทำตลาดเครื่องพิมพ์ได้ครบทุกรูปแบบ

“แคนนอน ครองตำแหน่งผู้นำเครื่องพิมพ์อันดับ 1 ของประเทศไทยมาตั้งแต่ปี 2000 รวมถึงปี 2022 ผ่านส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 32% เหนือคู่แข่งแบบขาดลอย และในปี 2023 ที่สินค้ามีความพร้อมมากขึ้น เมื่อประกอบกับการทำตลาดเครื่องพิมพ์ที่ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ ทำให้ แคนนอน แข็งแกร่งยิ่งขึ้น”

ในปี 2023 แคนนอน จะเริ่มต้นด้วยการทำตลาดเครื่องพิมพ์สำหรับองค์กร เนื่องจากธุรกิจต่าง ๆ เริ่มฟื้นตัว และกลับมาทำงานกันอย่างปกติมากขึ้น โดยเฉพาะกับกลุ่มธุรกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม หรือ SMEs ที่ในปี 2021 มีเพียง 58,058 ราย แต่ปี 2022 เพิ่มเป็น 72,480 ราย ซึ่งเครื่องพิมพ์ที่ดีมีส่วนช่วยให้ธุรกิจเหล่านั้นมีประสิทธิภาพ

“แคนนอน เล็งเห็นว่าธุรกิจ SMEs จะเป็นหนึ่งในฟันเฟืองสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เจริญก้าวหน้าต่อไปได้อย่างมาก จึงต้องการสนับสนุนการใช้งานพรินเตอร์ของลูกค้ากลุ่ม B2B มากเป็นพิเศษ ทำให้ทิศทางการพัฒนาและเปิดตัวสินค้ารุ่นใหม่จะพุ่งเป้าหมายไปที่ลูกค้าเหล่านี้”

canon
ฮิโรชิ โยโกตะ ประธานบริษัท และประธานกรรมการบริหาร บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด

กางกลยุทธ์เด็ด กับแคมเปญ “แคนเซิลทุกเรื่องยากด้วยแคนนอนพรินเตอร์”

สินค้าของแคนนอนเป็นสินค้าที่ครอบคลุมทุกรูปแบบการใช้งาน โดยมีแนวคิดที่แคนนอนยึดมั่นมาโดยตลอดคือ ความง่าย Simple to Use พรินเตอร์ต้องเป็นอุปกรณ์ที่ใช้งานได้ง่ายที่สุด และพร้อมแก้ปัญหาเรื่องยาก ๆ ในการพิมพ์ได้ เพราะชีวิตการทำงานในปัจจุบันมีความยุ่งยากมากพอแล้ว ความง่ายที่ทางแคนนอนคำนึงถึงคืออยากทำให้ผู้ใช้งานรู้สึกผ่อนคลายและช่วยให้ชีวิตของพวกเขาดีขึ้นได้จริง ๆ

แคนนอน ประเทศไทย จึงส่งแคมเปญการตลาดในชื่อว่า แคนเซิลทุกเรื่องยาก ด้วยแคนนอนพรินเตอร์ เพื่อสื่อสารเรื่องการใช้งานที่ง่าย และพร้อมแก้ปัญหาเรื่องยาก ๆ พร้อมคำนึงถึงพฤติกรรมผู้ใช้งาน เช่น

  • นักเรียนนักศึกษานั้นงบประมาณน้อย แคนนอน จึงมีเครื่องพิมพ์ที่ลงทุนครั้งเดียว ประหยัดตลอดไป
  • ผู้ใช้งานในครัวเรือนที่ใช้งานมากน้อยต่างกันในแต่ละวัน แคนนอน จึงออกแบบให้ใช้ง่ายได้ทุกคน และคุ้มค่า
  • พนักงานบริษัทหรือสตาร์ตอัป ที่มีปัญหาใช้ไม่เป็น ซ่อมเองไม่ได้ แคนนอน จึงมีรุ่นที่ใช้ง่าย ซ่อมง่าย
  • ธุรกิจขนาดเล็ก SMEs มีงานพิมพ์ซับซ้อนหลายประเภท แคนนอน จึงเข้าไปช่วยประหยัดเวลา ทำให้ธุรกิจง่ายขึ้น
  • มืออาชีพขั้นสูงที่ต้องการงานพิมพ์คุณภาพสูง แคนนอน มีเครื่องพิมพ์ระดับมืออาชีพเช่นกัน
canon
เนตรนรินทร์ จันทร์จรัสสุข ผู้อำนวยการอาวุโส กลุ่มผลิตภัณฑ์คอนซูมเมอร์อิมเมจจิ้งอินฟอร์เมชั่น บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด

เนตรนรินทร์ จันทร์จรัสสุข ผู้อำนวยการอาวุโส กลุ่มผลิตภัณฑ์คอนซูมเมอร์อิมเมจจิ้งอินฟอร์เมชั่น บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด เล่าถึงที่มาของแคมเปญดังกล่าวว่า ความง่ายคือเรื่องที่ แคนนอน สื่อสารมาตลอด และทำให้ แคนนอน แข็งแกร่งในตลาดเครื่องพิมพ์ในไทยได้ ทำให้ปี 2023 บริษัทเลือกสื่อสารเรื่องนี้ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น

4 กลุ่มสินค้าใหม่ ที่แคนนอนเปิดตัวเพื่อตอกย้ำแคมเปญ

  • MINI INK (รุ่น G1730, G2730 และ G3730) รองรับผู้ใช้งานกลุ่ม B2C โดยเฉพาะ รวมถึงกลุ่ม B2B ระดับต้น เช่น ร้านค้าออนไลน์ขนาดเล็ก ชูจุดเด่นการลดต้นทุนค่าหมึก ผู้ใช้งานยังสามารถเปลี่ยนหัวพิมพ์และแผ่นซับหมึกเองได้ โดยที่ยังคงได้งานพิมพ์คุณภาพดีที่คุ้มค่าสูงสุด
  • BUSINESS INK TANK (รุ่น GX3070 และ GX4070) จับกลุ่ม B2B ที่เป็นธุรกิจ SMEs หรือ Home Office ที่มีการใช้งานมากกว่าในครัวเรือน โดยมอบงานพิมพ์คุณภาพสูงขึ้น แต่ยังคงความคุ้มค่า ใช้งานและดูแลรักษาง่าย
  • LASER FULL RANGE ในครึ่งปีแรกนี้แคนนอนเปิดตัวเครื่องพิมพ์เลเซอร์รุ่นใหม่พร้อมกันถึง 13 รุ่น
    • เลเซอร์พรินเตอร์ 6 รุ่น ได้แก่ LBP121dn / LBP122dw / LBP361dw / LBP456w / LBP458x / LBP 722cx
    • เลเซอร์มัลติฟังก์ชัน 7 รุ่นได้แก่ MF271dn / MF272dw / MF274dn / MF275dw / MF264dwII / MF266dnII / MF269dwII พร้อมตอบโจทย์ตั้งแต่ธุรกิจขนาดเล็กไปจนถึงระดับเอ็นเตอร์ไพรส์ โรงงานอุตสาหกรรม โรงพยาบาล หรือแม้แต่หน่วยงานรัฐบาลขนาดใหญ่
  • DESKTOP LARGE FORMAT (รุ่น TC-20M) ตอบโจทย์งานพิมพ์หน้ากว้างที่จัดวางได้ในสำนักงานทุกขนาด พร้อมมอบประสิทธิภาพและความคุ้มค่าเหนือแบรนด์คู่แข่ง

canon

เจาะลึกตลาดอิงค์เจ็ท และเป้าเติบโต 10% ของ แคนนอน

ในปี 2022 ภาพรวมตลาดเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทในประเทศไทยอยู่ที่ 8.4 แสนเครื่อง แบ่งเป็นแบบแท็งค์แท้ 6.4 แสนเครื่อง หรือราว 80% ที่เหลือเป็นแบบตลับหมึก รองลงมาเป็นเครื่องพิมพ์เลเซอร์ 2.1 แสนเครื่อง ส่วนเครื่องพิมพ์ Large Format จะอยู่ราว 1,200 เครื่อง

ส่วนในปี 2023 บริษัทวิจัย IDC คาดการณ์ว่า ตลาดเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท จะลดลง 10% เหลือราว 7.7 แสนเครื่อง ส่วนตลาดเครื่องพิมพ์เลเซอร์ จะเติบโต 5% เป็น 2.3 แสนเครื่อง และเครื่องพิมพ์ Large Format จะเติบโตเล็กน้อยเป็น 1,400 เครื่อง ซึ่ง แคนนอน ตั้งเป้ายอดขายที่ 500 เครื่อง

สำหรับปี 2023 แคนนอน ประเทศไทย ตั้งเป้าเติบโตในธุรกิจเครื่องพิมพ์ 10% สวนทางกับตลาด และคงความเป็นผู้นำในตลาดเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทเช่นเดิม โดยรายได้ของธุรกิจเครื่องพิมพ์จะอยู่ในสัดส่วน 38% ของรายได้รวม แคนนอน ประเทศไทย และในปี 2023 จะขยับขึ้นเป็น 40-45% ของรายได้รวม

สรุป

แคนนอน อาศัยเครื่องพิมพ์ที่ตอบโจทย์ได้ตั้งแต่ลูกค้าทั่วไปจนถึงองค์กร และหน่วยงานภาครัฐ ยิ่งปัญหาซัพพลายขาดแคลนได้หายไปแล้ว และมีการทำการตลาดที่สื่อสารเรื่องการแก้ปัญหายาก ๆ ในการพิมพ์อย่างแคมเปญ “แคนเซิลทุกเรื่องยาก ด้วยแคนนอนพรินเตอร์ พร้อมเปิดตัวสินค้าใหม่ตอบโจทย์ลูกค้าได้ครบทุกเซกเมนต์ จึงไม่ใช่เรื่องยากเลยที่ แคนนอน จะครองเบอร์ 1 ของตลาดเครื่องพิมพ์ในประเทศไทยได้อีกปี

Canon

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา