ตลอดเวลา 2 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจพรินเตอร์ของแคนนอนถูกกระทบจากสถานการณ์โควิดไม่น้อย ทั้งการผลิตอิงค์เจ็ตที่หยุดชะงักเนื่องจากสถานการณ์ระบาดในเวียดนาม ปัญหาการขาดแคลนชิปเซ็ต ไปจนถึงระบบโลจิสติกส์ที่ชะงักทั่วโลก ทั้งหมดนี้ทำให้กำลังการผลิตพรินเตอร์ของแคนนอนลดลง
อย่างไรก็ดี ยังมีความเปลี่ยนแปลงในทางบวก เพราะทางแคนนอนระบุว่า การเข้ามาของการเรียนและทำงานในรูปแบบใหม่ทำให้คนต้องการใช้พรินเตอร์กันมากขึ้น แถมกลุ่มผู้ใช้ก็ยังหลากหลายขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย
วันนี้ Brand Inside จะพาไปคุยกับ เนตรนรินทร์ จันทร์จรัสสุข ผู้อำนวยการ ฝ่ายขายและการตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์คอนซูมเมอร์ซิสเต็ม (พรินเตอร์) บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดวิสัยทัศน์เกี่ยวกับการสื่อสารการตลาดของแคนนอนในยุคโควิด-19 เมื่อกลุ่มลูกค้ามีความหลากหลายในรูปแบบการใช้งานพรินเตอร์และความต้องการมากกว่าเดิม
Close to Customer เมื่อทุกสิ่งเปลี่ยนไป ต้องหันกลับไปมองลูกค้า
เนตรนรินทร์ เล่าให้เราฟังว่า ถ้าลองมองจากมุมของลูกค้า ตอนนี้การใช้พรินเตอร์ภาพรวมโตขึ้น เพราะคนในองค์กรธุรกิจเริ่มหันมา Work From Home ส่วนนักเรียนก็หันมาเรียนแบบออนไลน์
“จากเดิมเมื่อผู้ใช้จะพิมพ์งานก็จะใช้พรินเตอร์ของสำนักงานหรือสถานศึกษา มาวันนี้ก็จำเป็นต้องซื้อเครื่องพิมพ์สำหรับใช้ที่บ้านโดยแนวโน้มนี้ก็จะยังไม่เปลี่ยนไปแม้โควิดจะจบลงก็ตาม”
จุดสำคัญก็คือ โควิดไม่เพียงแค่ทำให้ความต้องการใช้พรินเตอร์เพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่ยังทำให้การใช้งานมีความหลากหลายกว่าดิม เช่น แบ่งกันใช้ในครอบครัว ใช้คนเดียวง่ายๆ ที่หอพัก ใช้งานเยอะ (แต่ประหยัด) สำหรับ SME หรือใช้งาน Work From Home โดยแต่ละกลุ่มก็จะมีพรินเตอร์แต่ละรุ่นเข้ามาตอบโจทย์แตกต่างกันไป
ทางแคนนอนเองยึดหลัก Close to Customer เสมอมา จึงได้เข้าไปศึกษาพฤติกรรมของผู้ใช้จริงๆ จนพบว่า ผู้ใช้งานส่วนมากรู้สึกว่าตัวเองเป็นมือใหม่อยู่เสมอ เนื่องจากเทคโนโลยีพรินเตอร์มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังต้องเปลี่ยนมาทำงานที่บ้านทำให้จากเดิมคุ้นเคยกับการใช้เครื่องพิมพ์ของสำนักงาน มาวันนี้ก็ต้องปรับตัวใหม่
“ผู้บริโภคนั้นมักคิดว่าพรินเตอร์ก็คือเครื่องพิมพ์ธรรมดาในสำนักงาน ที่มีฝ่าย IT ดูแล ตัวเองจึงไม่มีความจำเป็นต้องให้ความสนใจกับเรื่องระบบหรือเทคโนโลยีมากนัก ดังนั้นเมื่อมีความจำเป็นต้องใช้งานหรือแก้ปัญหาเกี่ยวกับพรินเตอร์ด้วยตัวเองนั้น ผู้บริโภคจึงไม่คุ้นชิน“
ด้วยหลักการ Close to Customer ยึดถือลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ทำให้แคนนอนได้มองเห็น Pain Point ของผู้บริโภคที่มองว่าการใช้งานพรินเตอร์มีความยากเสมอไม่ว่าจะใช้งานมานานเท่าไหร่
ทำให้เกิดเป็นไอเดียในการสื่อสารการตลาดไปยังผู้บริโภคว่าจริงๆ แล้วการใช้งานพรินเตอร์ไม่ได้ยมากอย่างที่คิด นำเสนอคอนเซ็ปต์ของ ‘ความง่าย’ ในการใช้งานไปยังผู้ใช้ทุกกลุ่ม ผ่านแคมเปญ แคนนอนพรินเตอร์ มือใคร…ก็ใช้ง่าย
ง่าย = ง่ายสำหรับผู้ใช้ทุกกลุ่ม ที่มีความหลากหลาย
เนตรนรินทร์ เล่าว่า ‘ความง่าย’ คือสิ่งที่แคนนอนพยายามจะสื่อสารออกไปอยู่เสมอ อย่างก่อนหน้านี้ แคนนอนเคยทำการสื่อสารในกลุ่ม Business Products ภายใต้แนวคิด Business Can Be Simple เพื่อเน้นย้ำเรื่องความง่าย ให้กับกลุ่มลูกค้าธุรกิจ
มาวันนี้แคนนอนจึงได้ต่อยอดด้วยการสื่อสารเรื่องความง่ายออกไปสู่กลุ่ม Consumer Products นำเสนอภาพการใช้ชีวิตให้ง่ายยิ่งขึ้น ผ่านการใช้งานพรินเตอร์ของแคนนอน
จากการเข้าไปศึกษาผู้บริโภคอย่างใกล้ชิด ทำให้แคนนอนได้เห็นว่าจริงๆ แล้ว ลูกค้าความหลากหลายมากๆ ในยุคโควิด-19 ไล่ไปตั้งแต่ นักศึกษา คนทำงานทางไกล ธุรกิจขนาดย่อมจนถึงขนาดใหญ่ ครอบครัว และผู้ใช้งานมืออาชีพ ซึ่งแต่ละกลุ่มก็มีความต้องการและนิยามของคำว่ายาก (และง่าย) แตกต่างกันออกไป
ในแคมเปญ แคนนอนพรินเตอร์ มือใคร…ก็ใช้ง่าย นี้แคนนอนได้นำเสนอเรื่องความง่ายผ่าน “มือ” ที่เป็นตัวแทนของผู้ใช้งานพรินเตอร์ใน Target ต่างๆ ของแคนนอน เช่น
- มือใหม่ ที่เพิ่งเป็นเจ้าของพรินเตอร์ ที่ต้องเจอกับเรื่อง Set Up
- มือเก่า ที่คุ้นเคยกับพรินเตอร์ พรินต์มาแล้วเป็นพันแผ่น
- มือเก๋า ที่ใช้พรินเตอร์สร้างงานสร้างรายได้
- มือเกรียน นักเรียน นักศึกษาที่ต้องพรินต์ทั้งเรื่องเรียนและเรื่องเล่น
- มือปืนรับจ้าง ฟรีแลนซ์ที่ต้องการพรินเตอร์คมๆ ที่ไม่ต้องการความผิดพลาดเรื่องตัวเลข
- มือขวา อย่างเลขาสาวสวย ที่ไม่อยากให้มือสวยๆ เปื้อนหมึกพิมพ์
- มืออาชีพ ที่ต้องการพรินเตอร์พร้อม Solution ดีๆ ที่ใช้งานทั้งออฟฟิศ
- มือคนในครอบครัว ที่มีความต้องการหลากหลายแต่ใช้งานง่ายๆ เพียงเครื่องเดียว
- มือโปร ที่โฟกัสเรื่องคุณภาพและสีสัน
“โจทย์ก็คือทำอย่างไรถึงจะสื่อสารให้คนแต่ละกลุ่มรู้สึกว่า ผลิตภัณฑ์ของแคนนอนทำให้การใช้ชีวิตของตนง่ายยิ่งขึ้น”
สร้างความเข้าใจ สินค้าแต่ละชิ้น แก้ Pain Point แต่ละคนอย่างไร
เนตรนรินทร์ อธิบายให้ฟังว่า เพื่อที่จะแก้โจทย์นี้ให้สำเร็จ จึงได้ทำ Segmentation ผู้บริโภคออกเป็น 6 กลุ่มที่มีความต้องการแตกต่างกันชัดเจน เพื่อให้สื่อสารได้อย่างตรงใจคนแต่ละกลุ่ม และเน้นย้ำว่าไม่ว่ามือไหนๆ ก็ใช้งานได้
แคมเปญนี้ได้นำเสนอเรื่องความง่ายในนิยามของลูกค้าแต่ละกลุ่ม ที่สำคัญคือเป็นการแบ่ง Segment ออกให้ชัด สร้างความเข้าใจเบื้องต้นในการจับคู่ระหว่างความต้องการของลูกค้าและผลิตภัณฑ์ ซึ่งเนตรนรินทร์ชี้ว่า จะทำให้ลูกค้า “ไม่ต้องเข้าไปยืนงงในดงพรินเตอร์อีกต่อไป”
ยกตัวอย่างให้เห็นง่ายๆ เช่น นักเรียน-นักศึกษา ที่เน้นความง่าย พิมพ์ผ่าน Wi-Fi ได้ มอบความคุ้มค่าสูงสุดในการพิมพ์เอกสารสำหรับผู้ที่กำลังอยู่ในวัยเรียน แคนนอนจะนำเสนอ เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทแบบตลับหมึกอย่าง Canon PIXMA E4570 พรินเตอร์ระบบตลับหมึกที่มาพร้อมฟังก์ชันการใช้งานแบบครบเครื่องในราคาที่ประหยัดทั้งเครื่องและหมึก
นอกจากนี้ แคนนอนยังได้นำเสนอเครื่องพิมพ์เลเซอร์ที่เหมาะกับธุรกิจหลากหลายกลุ่ม เช่น นำเสนอเครื่องพิมพ์เลเซอร์รุ่นเล็กอย่าง Canon Laser Printer LBP6030w ที่เน้นการพิมพ์เอกสาร ขาวดำด้วยความคมชัด เน้นการพิมพ์เอกสารปริมาณมากที่ต้องการความรวดเร็วและต่อเนื่องให้กับคนทำงานฟรีแลนซ์หรือทำงานจากบ้าน
นำเสนอเครื่องพิมพ์ใน G Series อย่างรุ่น G6070 พรินเตอร์แท็งก์แท้ที่เน้นงานพิมพ์เยอะ รองรับกระดาษหลากหลายรูปแบบให้กับ SMEs เน้นความง่ายในการใช้งานสำหรับธุรกิจเบื้องต้น พร้อมเทคโนโลยีที่ช่วยให้ประหยัดขั้นสุดเพื่อช่วยลดต้นทุนและเพิ่มผลกำไร
ไปจนถึงนำเสนอเครื่องพิมพ์เลเซอร์สีรุ่นใหญ่อย่าง Canon Laser Printer ที่มีระบบการจัดการการพิมพ์ที่หลากหลาย เหมาะกับ Office หรือหน่วยงาน ที่ต้องการจัดการงานพิมพ์ของผู้ใช้งานแต่ละคน ผ่านฟังก์ชันการทำงานที่ไม่ซับซ้อน พร้อมด้วยเทคโนโลยีในการเพิ่มความปลอดภัยของเอกสาร เพื่อมอบประสิทธิภาพสูงสุดให้กับองค์กร
เนตรนรินทร์ ชี้ว่า ในช่วงเวลาที่ผู้คนทั้งเรียนและทำงานจากบ้าน แคนนอนก็ได้นำเสนอเครื่องพิมพ์ที่เหมาะกับการใช้งานร่วมกันในครอบครัว เน้นความสะดวกสบายในการเชื่อมต่อและรองรับการใช้ทำงานที่หลากหลาย เหมาะกับทุกคนในครอบครัว เช่น Canon PIXMA TS5370 พรินเตอร์ All-in-one เครื่องเล็กกะทัดรัด ดีไซน์สวยงาม ที่ใช้งานได้ทั้งครอบครัวด้วย Wi-Fi Printing
ส่วนช่างภาพมืออาชีพที่ต้องการงานพิมพ์คุณภาพสูง คมชัด และมีค่าสีเที่ยงตรง เพื่อถ่ายทอดผลงานถ่ายสู่งานพิมพ์บนสื่อที่หลากหลาย แคนนอนก็มีอิงค์เจ็ทแยกสี 12 สี รุ่นใหญ่อย่าง Canon PIXMA PRO-500 ที่พรินต์ได้สูงสุดถึงขนาด A2+ พร้อมรองรับรูปแบบกระดาษที่หลากหลาย เหมาะสำหรับช่างภาพและคนทำงานกราฟฟิกที่ต้องการสีสันและการไล่เฉดสีแบบสมจริง
ภาพอนาคตของแคนนอนในยุค (หลัง) การระบาดของโควิด-19
ปี 2021 ที่ผ่านมา ฝั่งซัพพลายของธุรกิจพรินเตอร์ค่อนข้างมีปัญหาเพราะไม่สามารถทำการผลิตได้ด้วยการที่เวียดนามเจอปัญหาด้านการระบาดของโควิด-19 และยังมีปัญหาชิปขาดแคลนและระบบโลจิสติกส์ที่ติดขัดทำให้สินค้าขาดแคลนทั่วโลก
“ปัจจุบันสถานการณ์เริ่มดีขึ้น ผลกระทบจากการระบาดไม่ได้รุนแรงเหมือนเก่า ระบบโลจิสติกส์ก็เริ่มดีขึ้นในไตรมาสแรก ทุกอย่างจึงอาจจะพอดีในการกลับมาโตโดยเฉพาะในช่วงครึ่งหลังของปี โดยเราตั้งเป้ายอดขายทั้งปีเติบโต 134% เมื่อเทียบกับปี 2021”
เนตรนรินทร์ ย้ำถึงวิสัยทัศน์ของแคนนอนเพื่อที่จะกลับมาในช่วงครึ่งหลังของปี “เราจะเน้นย้ำแนวคิดเรื่อง Closer to Customer ให้ความสำคัญกับการประชาสัมพันธ์แคมเปญแคนนอนพรินเตอร์ มือใคร…ก็ใช้ง่าย ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อเชื่อมต่อกับลูกค้าให้ได้มากขึ้นกว่าเดิม และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นในสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป”
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา