คุยกับ อิสระ วงศ์รุ่ง ผู้กุมบังเหียนธุรกิจลิซซิ่ง บีวายดี เรเว่ และทิศทางตลาดรถยนต์ไทยปี 2025

บีวายดี (BYD) คือแบรนด์รถยนต์ที่เติบโตเร็วในไทย ผ่านตัวเลขจดทะเบียนประเภทรถยนต์ตั้งแต่ ม.ค. – พ.ย. 2024 ที่ 24,724 คัน ใกล้เคียงกับที่ทำได้ในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2023 ที่ 26,538 คัน ซึ่งถึงจะดูน้อยกว่า แต่เมื่อเปรียบเทียบกับแบรนด์อื่น รวมถึงตลาดรถโดยรวมที่หดตัวอย่างหนักก็ถือว่าน่าพอใจไม่น้อย

หนึ่งในเหตุผลที่ทำให้บีวายดียังมีตัวเลขที่ดีกว่าแบรนด์อื่น ๆ อาจมาจากความเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ราคาเข้าถึงได้ และเริ่มขยายโชว์รูม รวมถึงแผนการตลาดออกมาอย่างต่อเนื่อง และที่สำคัญคือบริการทางการเงินที่ทำให้ลูกค้าสามารถครอบครองรถยนต์ไฟฟ้าของแบรนด์ได้ง่ายขึ้นเช่นกัน

แล้วในปี 2025 กลยุทธ์ของบีวายดีจะเป็นอย่างไร และสามารถเติบโตในไทยได้มากแค่ไหน Brand Inside มีโอกาสพูดคุยกับ อิสระ วงศ์รุ่ง ที่ปรึกษาด้านพัฒนาธุรกิจ กลุ่มธุรกิจเรเว่ และ ประธานบริหาร บริษัท เรเว่ ลีสซิ่ง จำกัด และ บริษัท เรเว่ ฟิน คอร์ป จำกัด ตัวแทนจำหน่ายบีวายดีในไทยดังนี้

บีวายดี

บีวายดี กับการประคองยอดขายไว้ได้

อิสระ วงศ์รุ่ง ที่ปรึกษาด้านพัฒนาธุรกิจ กลุ่มธุรกิจเรเว่ และ ประธานบริหาร บริษัท เรเว่ ลีสซิ่ง จำกัด และ บริษัท เรเว่ ฟิน คอร์ป จำกัด เล่าให้ฟังว่า ภาพรวมตลาดรถยนต์ที่ชะลอตัวอย่างหนักในปี 2024 เพราะสภาพเศรษฐกิจที่อาจไม่เอื้ออำนวย รวมถึงหนี้ครัวเรือนที่สูง ซึ่งบีวายดีได้รับผลกระทบนี้เช่นกัน โดยเฉพาะเรื่องการอนุมัติสินเชื่อที่ยากขึ้น แต่ด้วยผลิตภัณฑ์ รวมถึงการทำตลาดที่มีประสิทธิภาพ ทำให้บีวายดียังสามารถประคองยอดขายเอาไว้ได้

“เราเพิ่งดำเนินธุรกิจมาได้ 2 ปีเต็ม แต่เติบโตมาตลอด แม้ปีนี้ตลาดจะซบเซา หนี้ครัวเรือนสูง ส่งผลให้การอนุมัติสินเชื่อยากขึ้น ถึงขั้นตลาดรถยนต์รวมได้รับผลกระทบอย่างหนัก จากเดิมที่คาดการณ์ไว้มียอดขายรวม 7 แสนกว่าคัน ในปี 2024 อาจจะทำได้เพียง 5.5 แสนคัน” อิสระ กล่าว โดยหากอ้างอิงข้อมูลศูนย์วิจัยกสิกรไทย ตลาดรถยนต์ยังอาการหนัก เพราะในปี 2025 อาจลดลงอีกจนเหลือเพียง 5.3 แสนคัน เท่านั้น

หากเจาะไปที่ผลิตภัณฑ์จะพบว่า จากที่บีวายดีเริ่มต้นทำตลาดด้วยรถยนต์ไฟฟ้าล้วน หรือ BEV ซึ่งตรงกับความต้องการของตลาดในยุคราคาเชื้อเพลิงปรับตัวสูง ปัจจุบันบีวายดีมีการทำตลาดรถยนต์ Plug-in Hybrid ในรุ่น Sealion 6 DM-I จึงตอบโจทย์ตลาดได้มากกว่าเดิม และทำให้ภาพรวมยอดขายของบริษัทในปี 2024 เติบโตได้ราว 7% เมื่อเทียบกับปี 2023

บีวายดี

เตรียมรุกตลาดรถกระบะ และรถหรูเพิ่มเติม

ขณะเดียวกันการปรับตัวลดลงอย่างหนักของตลาดรถยนต์ในไทยมาจากการที่รถกระบะ หรือรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ปรับตัวลดลงถึง 40% ผ่านการเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ แต่เรเว่ยังมองเห็นโอกาสในการรุกตลาดรถกระบะด้วยรถกระบะไฟฟ้าล้วนในรุ่น Shark PHEV ที่เตรียมผลิตที่โรงงานในจังหวัดระยอง หลังเปิดตัวที่ประเทศออสเตรเลียเพื่อเตรียมเจาะตลาดประเทศใช้รถยนต์พวงมาลัยขวา

“ถึงภาพรวมตลาดรถกระบะยังหดตัวอย่างหนัก ประกอบกับตลาดรถยนต์ไฟฟ้าล้วนชะลอตัวเล็กน้อย แต่เราก็ยังประคองการเติบโตไว้ได้ ดังนั้นจึงเป็นโอกาสดีที่เราจะสร้างตลาดใหม่ให้กับอุตสาหกรรมรถยนต์ในไทยด้วยรถยนต์ไฟฟ้าหรู และรถกระบะไฟฟ้าที่จะเริ่มทำตลาดอย่างเข้มข้นในปี 2025 ควบคู่กับการเพิ่มทางเลือกในขุมพลังรถยนต์ไฟฟ้าแบบต่าง ๆ เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ยังไม่พร้อมไปใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าล้วนเช่นกัน”

เมื่อเจาะไปที่ความสำเร็จรถยนต์ Plug-in Hybrid ของบีวายดีจะพบว่า Sealion 6 DM-I มียอดจองในงาน 863 คัน คิดเป็นสัดส่วนราว 11% ของยอดจองทั้งหมดของแบรนด์ แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และความไม่ได้ต้องการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าล้วนในตอนนี้ ทำให้ในอนาคตบริษัทมีแผนเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า Plug-in Hybrid มากขึ้น เพื่อขยายลูกค้าได้มากกว่าเดิม

นอกจากนี้เรเว่ยังทำตลาดแบรนด์ เดนซ่า (Denza) รถยนต์ไฟฟ้าล้วนหรูในเครือบีวายดี โดยเริ่มต้นด้วยรถ MPV รุ่น D9 ซึ่งอิสระแจ้งว่า รถยนต์รุ่นดังกล่าวได้ผลตอบรับที่ดีเช่นกัน เพราะลูกค้าที่ซื้อรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นดังกล่าวอาจเป็นกลุ่มที่ไม่ได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวยมากนัก และหลังจากนี้จะมีการทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นอื่น ๆ ของแบรนด์ดังกล่าวเพิ่มเติม

บีวายดี

เจาะลึกฝั่งธุรกิจบริการทางการเงิน

ในปี 2025 จะเห็นการเปลี่ยนแปลงอีกระดับของเรเว่นั่นคือการรุกตลาดธุรกิจบริการทางการเงิน หรือการให้สินเชื่อซื้อรถยนต์ไฟฟ้าในชื่อ เรเว่ ลีสซิ่ง (Rever Leasing) โดยธุรกิจดังกล่าวเริ่มต้นจากการปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้กับดีลเลอร์ในการซื้อรถยนต์กับบริษัท และต่อด้วยการปล่อยสินเชื่อให้กับบุคคลทั่วไป ซึ่งปัจจุบันมีการอนุมัติสูงถึง 90-95% และมีอัตราหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL อยู่ในระดับต่ำ สะท้อนถึงคุณภาพลูกหนี้ที่ดี

“ในปี 2025 จะเห็นความเข้มข้นในการรุกตลาดสินเชื่อซื้อรถยนต์ไฟฟ้าสำหรับลูกค้ารายย่อยมากขึ้น เพื่อหวังเป็นทางเลือกให้กับลูกค้า จากเดิมที่มีทางเลือกแค่สินเชื่อจากสถาบันการเงินต่าง ๆ แต่ก็ไม่ใช่บีวายดีทำครั้งแรก เพราะการเดินหน้าธุรกิจบริการทางการเงินนั้น แบรนด์รถยนต์ชั้นนำอื่น ๆ ก็ทำเช่นกัน เพราะต้องการตอบโจทย์ลูกค้าของตัวเองให้ครบวงจรที่สุด”

อย่างไรก็ตาม เรเว่ไม่ได้จำกัดตัวเองอยู่แค่ในธุรกิจรถยนต์ส่วนบุคคล เพราะบริษัทอยู่ระหว่างขยายตลาดไปสู่รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ เช่น รถตู้, รถแท็กซี่, รถผสมปูน และรถหัวลาก ซึ่งทั้งหมดเป็นรถยนต์ไฟฟ้าล้วน รวมถึงมีการเปิดโรงงานประกอบรถบัสที่ได้รับใบอนุญาตนอกประเทศจีนแห่งแรกในประเทศไทย ซึ่งการเดินหน้าแผนดังกล่าวทำเพื่อเพิ่มโอกาสรายได้ผ่านความหลากหลายของผลิตภัณฑ์

บีวายดี

ยิ่งแข่งเข้มข้น ผู้บริโภคยิ่งได้ประโยชน์

อิสระ มองว่า ปัจจุบันการแข่งขันในตลาดรถยนต์ในไทยค่อนข้างดุเดือด แต่การแข่งขันที่มากขึ้นย่อมเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค ทั้งยังช่วยให้ตลาดรถยนต์ในไทยนั้นฟื้นตัวกลับมาถึงช่วงปกติ ส่วนระยะเวลานั้นอาจจะค่อนข้างนาน หรือใช้เวลาราว 2-3 ปี เพราะปี 2024 คือปีที่ตลาดรถยนต์ไทยถึงจุดต่ำสุด โดยจะทยอยฟื้นตัวตั้งแต่ปี 2025 เป็นต้นไป ส่วนเรื่องราคา บริษัทจะทำให้ราคาเหมาะสมที่สุดในการทำตลาด

Brand Inside ตรวจสอบพบว่า บีวายดี มีการทำตลาดผ่านการลดราคาในรุ่นต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าจากจีนในไทยแบรนด์อื่น และอาจสร้างความรู้สึกไม่พอใจ รวมถึงรอให้มีการลดราคาก่อนถึงจะเริ่มซื้อ แต่ถึงจะมีการใช้กลยุทธ์ดังกล่าวตลอดเวลา บีวายดียังเป็นหนึ่งในแบรนด์แรก ๆ ที่ผู้บริโภคชาวไทยนึกถึงเมื่อต้องการเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้า

ยิ่งหากสังเกตจากยอดจองในงาน Motor Expo ที่แบรนด์บีวายดีทำยอดจองได้ทั้งหมด 6,917 คัน ส่วนเดนซ่าทำยอดจองได้ 577 คัน ซึ่งเมื่อรวมกันจะอยู่ที่ 7,434 คัน และคิดเป็นอันดับที่ 2 ของงานดังกล่าว เป็นรองแค่แบรนด์โตโยต้าที่ทำยอดจองได้ 8,297 คัน แต่ตัวเลขจองของรถยนต์ในเครือบีวายดีนั้นมาจากตัวเลขที่ได้จากการคำนวณ รายการ ซื้อรถ…ชิงรถ ไม่ได้มาจากตัวเลขที่ได้รับแจ้งจากบริษัทรถยนต์เหมือนกับแบรนด์อื่น

ถึงจะมีข่าวในด้านลบ โดยเฉพาะเรื่องราคาของรถยนต์ แต่ความตั้งใจของบีวายดี และเรเว่ สะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจในการทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทย ผ่านการขยายผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง เช่น ไม่มีแค่รถยนต์ไฟฟ้าล้วน แต่มี Plug-in Hybrid รวมถึงยังมีรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ ไล่ตั้งแต่รถกระบะ และรถบรรทุก เมื่อผสานกับบริการทางการเงิน ก็ช่วยสร้างโอกาสให้เรเว่สามารถเติบโตในปี 2025 ได้ไม่ยาก

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา