BYD ค่ายผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่จากจีน เตรียมมียอดขายทะลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ในปี 2024 ทั้งยังมีขายชนะคู่แข่งค่ายรถยนต์ดั้งเดิมอย่าง Ford และ Honda เนื่องจากการขยายตัวไปในตลาดโลกทำได้ดี รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้าล้วนเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น
BYD 11 เดือนแรกยอดขายทะลุเป้า
สำนักข่าว Reuters รายงานว่า BYD รายงานยอดขายรถยนต์ 11 เดือนแรกของปี 2024 ที่ 3.76 ล้านคัน โดยในเดือน พ.ย. 2024 บริษัทขายรถยนต์ได้กว่า 5.06 แสนคัน สะท้อนให้เห็นถึงความนิยมของรถยนต์ไฟฟ้าล้วน หรือ BEV และรถยนต์ไฟฟ้าแบบ Plug-in Hybrid ที่กำลังเป็นที่นิยมไปทั่วโลก
จากยอดขายดังกล่าวทำให้เป้าหมายยอดขายปี 2024 ที่ BYD ตั้งไว้ที่ 4 ล้านคัน น่าจะเกินเป้าหมายแน่นอน และเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งรถยนต์ดั้งเดิมอย่าง Honda และ Ford ทาง BYD จะมียอดขายทั่วโลกมากกว่าทั้งสองแบรนด์ในปี 2024 แน่นอน
จากยอดขายดังกล่าวทำให้ BYD มีส่วนแบ่งในตลาดรถยนต์ภายในประเทศจีนที่ 16.2% ในเดือน ต.ค. 2024 เพิ่มขึ้นจาก 12.5% ในปี 2023 ด้าน Volkswagen ที่เป็นคู่แข่งรายสำคัญกลับมีส่วนแบ่งการตลาดลดลงจาก 14.2% เหลือ 12.5% และตลาดประเทศจีนคิดเป็นยอดขายกว่า 90% ของยอดขายทั้งหมดของ BYD
ขณะเดียวกันจากการเติบโตนี้ BYD ตั้งเป้ามียอดขายรถยนต์กว่า 5-6 ล้านคัน ภายในปี 2025 อ้างอิงจากการที่นักวิเคราะห์ของ Citi หารือกับผู้บริหารของ BYD ซึ่งตัวเลขดังกล่าวจะทำให้ BYD มียอดขายใกล้เคียงกับกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของโลก เช่น GM และ Stellantis
เพิ่มกำลังผลิต และจ้างคนเพิ่ม
เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายดังกล่าว เดือน ต.ค. 2024 BYD มีการเพิ่มกำลังผลิต 2 แสนคัน และจ้างพนักงานใหม่ 2 แสนคน จนทำให้พนักงานทั้งหมดของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 1 ล้านคน จากเมื่อสิ้นปี 2023 อยู่ที่ 7.03 แสนคน และอีกเหตุผลที่ BYDสามารถขึ้นมามีบทบาทสำคัญในตลาดรถยนต์นั่นคือการควบคุมต้นทุน
เพราะถึงจะต้องเจอกับการแข่งขันด้านราคาในประเทศจีน รวมถึงในประเทศอื่น ๆ ทั่วโลกที่เข้าไปทำตลาด แต่ BYD สามารถเจรจาเพื่อลดต้นทุนค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เช่น ขอให้ซัพพลายเออร์ลดราคาชิ้นส่วนเพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน รวมถึงปรับตัวกับมาตรการการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าฉบับใหม่ในจีนได้ดีขึ้นเช่นกัน
ในทางตรงกันข้าม ผู้ผลิตรถยนต์ต่างชาติกำลังเผชิญกับความท้าทายในตลาดจีน เช่น GM เพิ่งประกาศว่าจะรับผลขาดทุน และค่าใช้จ่ายจากการปรับโครงสร้างในจีนกว่า 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สะท้อนถึงมูลค่าของกิจการร่วมทุนที่ลดลงและยอดขายที่ลดลง
Brand Inside มองว่า การเติบโตอย่างรวดเร็วของ BYD ไม่เพียงเน้นย้ำถึงศักยภาพของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในจีน แต่ยังสะท้อนถึงความสามารถของบริษัทในการปรับตัวและแข่งขันในตลาดโลก โดยเฉพาะการที่ BYD สามารถแซงหน้าบริษัทระดับโลกอย่าง Ford และ Honda ได้ในปีเดียวกันเป็นเครื่องพิสูจน์ได้ดี
มากกว่านั้นการขยายกำลังการผลิต และพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง BYD มีศักยภาพที่จะก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในผู้ผลิตยานยนต์รายใหญ่ที่สุดของโลกในอนาคต อีกทั้งยังเป็นตัวอย่างของการใช้เทคโนโลยีเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจในยุคใหม่
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา