ไม่ว่าจะคนรุ่นไหนๆ ทองคำ ถือเป็นทรัพย์สินที่มีสภาพคล่องสูง ให้เป็นของขวัญก็ได้ ใช้ในโอกาสต่างๆ ได้มากมาย ที่สำคัญบางคนยังใช้แทนการออมทรัพย์ หรือลงทุน และเมื่อราคาทองคำปรับตัวลดลงก็ทำให้หลายคนสนใจอยากจะซื้อมาเก็บไว้ แต่จะคุ้มหรือเปล่า ?
เทรนด์ราคาทองต่ำสุดในรอบ 1 ปีครึ่ง ชี้ซื้อเก็บเพื่อลงทุนได้แต่ต้องทำกำไรในระยะสั้น
ข้อมูลจาก สมาคมค้าทองคำ บอกว่า ราคาทองคำแท่ง (96.5%) วันที่ 6 ก.ย. 2561 อยู่ที่ 18,650 บาทต่อบาท จากวันที่ 5 ก.ย. อยู่ที่ 18,600 บาทต่อบาท ในขณะที่ราคาทองคำรูปพรรณ (96.5%) อยู่ที่ 19,150 บาทต่อบาท จากวันที่ 5 ก.ย. อยู่ที่ 19,100 บาท ต่อบาท
จิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ บอกว่า ระยะนี้ราคาทองคำทรงตัวในกรอบแคบอาจขยับสูงขึ้นหรือลดลงประมาณ 50 บาทต่อวัน แต่ราคาก็ลดลงมามากเมื่อเทียบกับหลายเดือนที่ผ่านมา (เช่น วันที่ 1 ส.ค. 2561 อยู่ที่ราคาทองคำแท่งอยู่ที่ 19,250 บาทต่อบาท)
คนที่จะลงทุนสามารถเข้าซื้อทองเก็บไว้ได้ แต่ต้องจับช่วงเวลาขายในระยะสั้นเท่านั้นเมื่อมีกำไร เพราะครึ่งปีหลังยังมีความเสี่ยงที่ต้องจับตามองจากทั่วโลก ขณะเดียวกันช่วงสิ้นปีราคาทองคำมีโอกาสที่จะขึ้นไปแตะ 20,000 บาทต่อบาท
“ช่วงนี้ราคาทองคำที่ลดลงทำให้แรงซื้อทองคำเพิ่มขึ้นมากกว่าปกติ มีทั้งคนไทยและต่างชาติ เพราะการซื้อทองคำในไทยจะไม่เสียภาษี อย่างตอนนี้มีนักท่องเที่ยวเข้ามาซื้อทองที่ไทยเยอะขึ้นเรื่อยๆ แต่ค่ากำเน็จยังไม่มีแนวโน้มลดลงเพราะค่าครองชีพยังสูงขึ้น”
ว่าแต่ปีนี้ ราคาทองคำมีปัจจัยเสี่ยงและปัจจัยบวกอะไรบ้าง
จิตติ เล่าต่อว่า ราคาทองคำระยะยาวถึงปลายปีนี้ปัจจัยหลักต้องจับตามองการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ ทั้งรอบเดือนก.ย. และธ.ค. ที่จะเกิดขึ้น หากปรับเพิ่มขึ้นจะส่งผลให้ราคาทองคำน่าจะปรับตัวลดลงหน่อย เพราะคนหันกลับไปลงทุนสินทรัพย์ในสหรัฐฯ
ส่วนปัจจัยบวกที่กระตุ้นให้ราคาทองคำอาจจะเพิ่มสูงขึ้นคือ วิกฤตเศรษฐกิจตุรกี อาร์เจนตินา เพราะสร้างแรงซื้อจากลูกค้าให้ไป นอกจากนี้ต้องจับมองสงครามการค้าระหว่างจีน- สหรัฐฯ ที่ส่งผลให้ค่าเงินของหลายประเทศอ่อนค่าลง
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา