หมีเนย กลายเป็นคาแรกเตอร์ที่หลายคนจดจำได้ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เพราะความน่ารักที่ช่วยฮีลใจหลายคนที่เพิ่งผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19 มาไม่มากก็น้อย แต่ก็คงไม่มีใครคิดว่าน้องหมีเนยจะสามารถยืนระยะมาได้ขนาดนี้ แถมยังโด่งดังไปถึงระดับโลกอีกด้วย ซึ่ง บูม – ธนวรรณ วงศ์เจริญรัตน์ เจ้าของร้าน Butterbear ก็ไม่คาดคิดเช่นกัน
เพราะหากนับจากภาพของหมีเนยที่เริ่มจากเป็นมาสคอตของร้าน Butterbear ไม่นานมานี้มีการจัดงาน Fan Meet และเร็ว ๆ นี้จะมีการจัดงานเปิดบ้านหมีเนย หรือ A Magical Journey to Our Buttery World ที่จำลองห้องต่าง ๆ ของน้องเนยเอาไว้ เพื่อให้มัมหมีสามารถรับรู้ชีวิตประจำวันของน้องเนยว่าเป็นอย่างไร
เมื่อทุกอย่างดำเนินไปไกลเกินฝันขนาดนี้ แล้วปี 2025 ร้าน Butterbear รวมถึงมาสคอตอย่างน้องหมีเนยจะมีเซอร์ไพรส์ รวมถึงกลยุทธ์การตลาดที่น่าสนใจอื่น ๆ อีกหรือไม่ Brand Inside มีโอกาสพูดคุยกับ บูม – ธนวรรณ วงศ์เจริญรัตน์ เจ้าของร้าน Butterbear และได้คำตอบมาดังนี้
เกือบ 2 ปี ที่ได้เรียนรู้จากมัมหมี
ธนวรรณ วงศ์เจริญรัตน์ เจ้าของร้าน Butterbear เล่าให้ฟังว่า หลังจากดำเนินธุรกิจมาเกือบ 2 ปี ทั้งตัวร้าน และน้องเนยได้รับความสนใจ และคำแนะนำจากแฟนคลับ หรือมัมหมีจำนวนมาก ช่วยให้แบรนด์เติบโตไปกับกระแสดังกล่าว รวมถึงเรียนรู้ที่จะพัฒนาธุรกิจไปด้วยกันกับมัมหมีเช่นกัน
“ตอนนี้เราไม่ได้มี Benchmark ว่าต้องเป็นเหมือนคาแรกเตอร์ตัวไหน หรือจะต้องเติบโตไปอย่างไร เพราะเราเอาความต้องการของมัมหมีเป้นตัวตั้ง เพื่อตอบโจทย์มัมหมีให้ได้มากที่สุด เช่น มัมหมีอยากให้มีงานแฟนมีต เราก็จัดให้ และล่าสุดอยากรู้ว่าน้องเนยใช้ชีวิตอย่างไร เราก็จัดนิทรรศการเปิดบ้านของน้องเนยให้เช่นกัน”
งานดังกล่าวมีชื่อว่า A Magical Journey to Our Buttery World โดย Butterbear จัดงานร่วมกับ Index Creative Village หนึ่งในออร์แกไนซ์เซอร์ชั้นนำของไทย และตัวงานจะจัดตั้งแต่วันที่ 25 ม.ค. 2025 และกินระยะเวลานาน 6 เดือน ที่ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน
เจาะลึกตัวงานเปิดบ้านน้องหมีเนย
A Magical Journey to Our Buttery World หรืองานเปิดบ้านของน้องหมีเนยจะประกอบด้วยห้อง 7 ห้อง และ 1 สวนดอกไม้ ที่ให้ผู้เข้าร่วมงานได้ถ่ายรูป, ทำกิจกรรม และรู้จักน้องหมีเนยมากขึ้น เช่น ห้องนอน และห้องครัว แต่ห้องเหล่านั้นจะมีชื่อที่นิยามที่ลักษณะห้องนั้น ๆ เช่น ห้องแห่งความสุข และห้องแห่งความฝันเป็นต้น
ตัวบัตรสองแบบคือ Admission Ticket ได้รับเฉพาะบัตรเข้าชมบ้านน้องเนยเท่านั้น โดยบัตรผู้ใหญ่ ราคา 499 บาท และ บัตรเด็กราคา 350 บาท กับ Merchandise Package ราคา 750 บาท ได้รับบัตรเข้าชมบ้านน้องเนย พร้อมสินค้าที่ระลึกคอลเลกชันพิเศษที่ไม่มีขายที่ไหน จำนวน 2 ชิ้น
อย่างไรก็ตามมีการจำหน่ายบัตรรอบพิเศษวันที่ 24 ม.ค. 2025 ในชื่อ Premier Package ที่ประกอบด้วย
- Meet & Greet Package ราคา 1,500 บาท ได้รับบัตรเข้าชมบ้านน้องเนย + ถ่ายรูปกับน้องเนยแบบ 1:1 + รับ Official Poster + Poster พร้อมลายแสตมป์น้องเนย + Photo card + สินค้าที่ระลึกจำนวน 1 ชิ้น เฉพาะรอบเวลา 13.15 – 15.15 และ 15.15 – 17.15 น. จำกัดจำนวน 60 คน/รอบเท่านั้น ใช้เวลาต่อรอบ 2 ชม. คือ เดินชมบ้าน และ Meet & Greet กับน้องเนย
- Merchandise Package ราคา 750 บาท เปิดทั้งหมด 4 รอบดังนี้ 17.15/ 18.15 น./ 19.15 น../ 20.15 – 21.00 น. (45 นาที) โดยจะได้บัตรเข้าชมบ้านน้องเนย + Official Poster + Poster พร้อมลายแสตมป์น้องเนย + Photo card + สินค้าที่ระลึกจำนวน 1 ชิ้น
เบื้องต้นงาน A Magical Journey to Our Buttery World ใช้เงินลงทุนราว 50 ล้านบาท ลงทุนร่วมกันระหว่าง Butterbear และ Index Creative Village คาดหวังผู้เข้าร่วมงานราว 60,000 คน มีทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ โดยเฉพาะกับชาวจีน ตั้งเป้ารายได้ที่เกิดขึ้นราว 65 ล้านบาท
แฟนคลับในไทยครึ่งหนึ่ง ต่างชาติครึ่งหนึ่ง
ธนวรรณ เสริมว่า ปัจจุบันแฟนคลับของน้องหมีเนยแบ่งเป็นชาวไทย 50% และที่เหลือเป็นชาวต่างชาติ โดยมีกลุ่มคนที่อาจไม่เคยเข้าถึงร้าน Butterbear แต่เห็นน้องหมีเนยบนโซเชียลมีเดียเขียนจดหมาย และส่งพัสดุมาให้น้องหมีเนย แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของคาแรกเตอร์นี้
“ในเชิง Branding น้องหมีเนยสร้างมูลค่าให้ตัวร้าน Butterbear ได้มหาศาลอยู่แล้ว เพราะเรื่อง Brand Love ไม่สามารถตีมูลค่าออกมาได้ ซึ่งเราก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าน้องหมีเนยจะไปได้ถึงขนาดนี้ เรียกว่าเป็นเรื่องที่สุดยอดมาก ๆ และเราจะรับฟังความเห็นของมัมหมีเพื่อพัฒนาน้องหมีเนย และตัวร้านให้ได้มากขึ้น”
การเติบโตของแฟนคลับทำให้ Butterbear มีการทำตลาดสินค้ากลุ่มเมอร์ชันไดซ์ หรือของที่ระลึกต่าง ๆ มากขึ้น แต่ถึงอย่างไรสินค้าหลักอย่างขนม และเบเกอรี่ยังสำคัญที่สุด เพราะสินค้ากลุ่มนี้จะมอบความสุขหลังจากรับประทาน และรสชาติจะติดอยู่ในใจ ทำให้ผู้รับประทานมีความสุข และเพิ่มความรักให้กับแบรนด์มากขึ้นด้วย
ยังไม่มีแผนเปิดสาขาเพิ่มเติมในปี 2025
แม้จะเติบโตในโลกออนไลน์จนโด่งดังในระดับโลก แต่ Butterbear ยังไม่มีแผนขยายสาขาไปยังพื้นที่อื่นนอกจากสาขาเดียวที่ตั้งอยู่ในศูนย์การค้าเอ็มสเฟียร์ และกลยุทธ์หลักในปี 2025 จะเน้นพัฒนาสินค้าให้ดียิ่งขึ้น โดยรายได้หลักยังมาจากขนม และเบเกอรี่ 70% รองลงมาคือค่าลิขสิทธิ์ กับเมอชันไดซ์ในสัดส่วนเท่า ๆ กัน
ในทางกลับกัน Butterbear จะเปิดหน้าร้าน Pop-up Store หรือร้านค้าชั่วคราวที่กูร์เม่ต์ มาร์เก็ต สาขาศูนย์การค้าสยามพารากอน เร็ว ๆ นี้ ควบคู่กับหน้าร้านในพื้นที่เปิดบ้านน้องหมีเนยด้วย รวมถึงการไปเปิด Pop-up Store ที่ต่างประเทศ เช่น ที่เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน เป็นต้น
หากเจาะไปที่การพัฒนาสินค้าเบเกอรี่ ธนวรรณ ทิ้งท้ายว่า ต้องการพัฒนาสินค้าให้เหมาะสมกับการเป็นสินค้าของฝากชื่อดัง คล้ายกับเวลาไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นต้องซื้อโตเกียวบานาน่า หรือสินค้าอื่น ๆ เพื่อเพิ่มการจดจำของแบรนด์ และสามารถเติบโตไปได้อย่างยั่งยืน
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา