“เนวิน” ประกาศจัดงาน “พันธุ์บุรีรัมย์” มหกรรมกัญชา ครั้งแรกในประเทศไทย เพื่อเผยแพร่ประโยชน์และความรู้ด้านกัญชา ทั้งในด้านทางการแพทย์ อุตสาหกรรมด้านอาหาร ให้กับประชาชนรับทราบประโยชน์ขั้นพื้นฐานของกัญชาทุกรอบด้าน ยืนยัน สนับสนุนให้ทางรัฐบาล เปิดเสรีกัญชา เพื่อปลดล๊อกให้คนทั่วไป สามารถปลูกเพื่อสร้างรายได้
กัญชา กับ ทางเลือกในการรักษา
ในอดีด ที่มีหลักฐานอย่างชัดเจน เป็นตำรายาแผนโบราณ ที่มีการใช้ฝื่นและกัญชาในการรักษา เริ่มปรากฎครั้งแรกในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เพื่อรักษาอาการทรงพระประชวร แต่หลังจากนั้นเป็นต้นมา ตำหรับยาแผนโบราณได้เริ่มมีการใช้อย่างทั่วไปในช่วงต้นกรุงรัตนโกสิน จนมาถึงในปี พ.ศ. 2522 ประเทศไทยได้มีกฎหมายเรื่องของยาเสพติด และได้นำกัญชา เป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 เช่นเดียวกับพืชกระท่อม พืชฝิ่น
โดยมีข้อถกเถียงถึงคุณสมบัติของ กัญชา ในการรักษาทางการแพทย์ ไม่ว่าจะเป็นการรักษาโรคมะเร็ง อัลไซเมอร์ ที่หลายๆ คนมีการให้ข้อมูลของการรักษาด้วยสารสกัดจากกัญชา ว่าสามารถหายขาด หรือบรรเทาจากโรคต่างๆ ได้ และในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2562 ได้มีราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ ฉบับที่ 7 พ.ศ. 2562 ได้ออกมาเพื่อรองรับและคุ้มครองสิทธิของผู้ป่วยที่จะได้รับและใช้กัญชาเพื่อประโยชน์ในการรักษาและพัฒนาทางการแพทย์ ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ผู้ได้รับอนุญาต
และยังได้เปิดโอกาสให้สามารถนำกัญชาและพืชกระท่อมไปทำการศึกษาวิจัยและพัฒนาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์และสามารถนำไปใช้ในการรักษาโรคภายใต้การดูแลและควบคุมของแพทย์ได้ ซึ่งการประกาศดังกล่าว ทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่อนุญาตให้ใช้กัญชา และกระท่อมเพื่อประโยชนทางการแพทย์และการวิจัย
กัญชา พืชเศรษฐกิจใหม่ของไทย
เนวิน ชิดชอบ ประธานบริษัทบุรีรัมย์ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จำกัด ถึงแนวคิดของการจัดงาน “พันธุ์บุรีรัมย์” ระหว่างวันที่ 19-21 เมษายน 2562 ซึ่งตรงกับวันกัญชาโลก ในวันที่ 21 เมษายน ของทุกปี ที่บริเวณสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต บุรีรัมย์ ว่าเป็นการให้ความรู้การใช้กัญชาอย่างถูกต้องตามหลักทางการแพทย์ ไม่ว่าจะเป็นการแพทย์แผนไทย การแพทย์แผนปัจจุบัน โดยถูกต้องตามกฎหมายแก่ประชาชน ภายในงานมีนิทรรศการให้ความรู้อย่างถูกต้องของกัญชา เสวนาวิชาการต่างๆ รวมถึงรับการลงทะเบียนรักษาผู้ป่วยโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
เนวิน ยังกล่าวอีกว่า กัญชา ถือเป็นพืชสมุนไพร ที่หากทางรัฐบาลได้แก้กฎหมายให้เปิดเสรีได้ เหมือนเช่นในหลายๆ เมืองที่พัฒนาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา, แคนาดา, อุรุกวัย, เนเธอร์แลนด์ เป็นต้น จะเป็นประโยชน์ต่อคนไทยทุกคน เพราะทั่วโลกต่างยอมรับว่ากัญชา สามารถนำมารักษาในบางโรคได้ทั้งในทางการแพทย์แผนปัจจุบัน รวมถึงสามารถนำมาเป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ที่สามารถสกัดเป็นน้ำมัน ส่งออกในหลายๆ ประเทศทั่วโลกเพื่อนำมาทำเป็นยาได้
“ในแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา นอกจากจะให้ประชาชนสามารถปลูกได้บ้านหลังละ 6 ต้นแล้ว เรื่องของรายได้จากการเก็บภาษีเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับกัญชาได้มากถึงปีละ 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นรายได้มหาศาลมาก ในประเทศไทยนอกจากการนำกัญชา มาสกัดเป็นยาแล้ว ยังสามารถทำนำมาต่อยอดเรื่องของอุตสาหกรรมอาหาร เครื่องดื่มต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกาแฟ เบียร์ เครื่องดื่มน้ำดำ ที่มีส่วนผสมของกัญชา รวมถึงการต่อยอดสินค้า OTOP ที่สามารถนำส่วนผสมของกัญชามาแปรรูปต่างๆ ได้อย่างมากมาย ซึ่งหากประเทศไทยไม่เริ่มทำ ก็จะล้าหลัง ตามหลังประเทศที่เค้าพัฒนาแล้ว”
ดัน บุรีรัมย์ เป็นฮับของกัญชา
“ด้วยบุรีรัมย์ เป็นเมืองแห่งเกษตรกรรม หากในอนาคตที่กัญชาสามารถเป็นพืชเศรษฐกิจได้ ชาวบ้านทั่วๆ ไปปลูกได้ก็จะเป็นพืชเศรษฐกิจที่ทำรายได้ได้ดีกว่าการปลูกข้าว และสร้างรายได้ให้ชาวเกษตรกร เป็นพืชที่แก้จนได้ยั่งยืนและถาวร ด้วยความที่ผมสร้างบุรีรัมย์จากก่อนหน้านี้ที่ติด 10 จังหวัดที่ยากจนมากที่สุด ผ่านมา 10 ปี มาถึงตอนนี้สร้างให้บุรีรัมย์ เป็น 10 จังหวัดที่คนมาเที่ยวมากที่สุด จึงมีแนวทาง “พันธุ์บุรีรัมย์” 3 หลักการด้วยกัน คือ ทำอะไรก็ได้ที่ต้องแปลก ทำอะไรก็ได้ที่อลังการ และทำอะไรก็ได้ที่อยู่บนมาตราฐานโลก จึงกล้าที่เสนอ บุรีรัมย์ เป็นฮับของกัญชาในไทย และจะผลักดันให้ไทยเป็นหนึ่งในศูนย์กลางของกัญชาโลก” เนวินกล่าวปิดท้าย
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา