บล.บัวหลวง แนะลูกค้าลงทุนตปท. ปีนี้ดึง ETF เวียดนามเทรดผ่าน SET ซื้อง่าย-ขายคล่อง

ตลาดหุ้นไทยและทั่วโลกผันผวนเหลือเกิน คนที่เข้าหุ้นไปก่อนหน้านี้ก็เศราหนักเพราะหุ้นไทยลงต่อเนื่อง แต่ปัญหานี้จะหมดไปถ้าเราวางแผนการลงทุนด้วยการกระจายความเสี่ยงด้านเวลา หลักทรัพย์ที่หลายแบบ ในหลายประเทศ

บล.บัวหลวงแนะช่องลงทุนให้มีกำไร ต้องกระจายความเสี่ยงไปต่างประเทศ

Brandinside ไปสัมภาษณ์พิเศษ บรรณรงค์ พิชญากร กรรมการผู้จัดการ กิจการค้าหลักทรัพย์ บล.บัวหลวง บอกว่า หัวใจหลักของการลงทุนให้กำไรต้องกระจายความเสี่ยงเราแนะนำเป็นแบบ Asset Allocation กระจายการลงทุนในหลายสินทรัพย์ แต่สัดส่วนการลงทุนขึ้นอยู่กับความเสี่ยงที่นักลงทุนรับได้ และความน่าสนใจของแต่ละตลาด

ซึ่งนักลงทุนที่ Fail มักมาจากการทุ่มซื้อตัวเดียวหมดหน้าตัก พอเจ๊งก็เจ๊งเลย ขณะเดียวกันภาพของ Globalization ก็มีมากขึ้นตามเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่เปิดให้คนไทยไปลงทุนในต่างประเทศ เลยเป็นช่องทางให้นักลงทุนสามารถกระจายความเสี่ยงได้มากขึ้น

“มีเงินเยอะหรือน้อยไม่เกี่ยว แต่ต้องกระจายการลงทุน เช่น หุ้น ตราสารต่างๆ และการทำ DCA (ทยอยซื้อหุ้นต่อเนื่องเพื่อให้ได้ราคาหุ้นที่มีเสถียรภาพที่สุด) ขณะเดียวกันไทยต้องกระจายลงทุนในหลายประเทศเพื่อเลี่ยงและลดผลกระทบ เช่น ไทยมีเรื่องการเมืองหุ้น Side way หรือสหรัฐฯ มีเรื่อง Donald Trump ฯลฯ ก็ลงทุนในภูมิภาคอื่นที่มีการเติบโต อาจะซื้อผ่านกองทุนรวมในต่างประเทศ หรือตอนนี้เราสามารถเป็นตัวกลางพาลูกค้าไปซื้อหุ้นตรงในต่างประเทศได้”

หุ้นเวียดนามน่าลงทุนเพราะโตไวเหมือนไทยเมื่อ 15 ปีที่แล้ว

ตอนนี้ บัวหลวง ทำระบบให้บริการเพื่อซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ที่เวียดนามแล้ว เหตุผลหลักมาจากเป็นประเทศที่เศรษฐกิจโตไว มีศักยภาพสูง GDP โตปีละ 6-7% เหมือนกับไทยเมื่อ 15 ปีที่แล้ว และยิ่งเป็นส่วนหนึ่งของ CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา เวียดนาม) ยิ่งทำให้คนไทยเข้าถึงและสนใจไปลงทุน เพราะอยู่ใกล้กว่าภูมิภาคอื่นๆ ช่วงนี้หุ้นเวียดนาม ราคาใกล้จุดต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 

“การที่ต่างชาติจะซื้อหุ้นตรงจากตลาดหุ้นเวียดนามไม่ง่ายเลย เพราะขั้นตอนเยอะ ซับซ้อน เช่น ต้องฝากเงินสกุลดองทิ้งไว้ที่เวียดนามสักพักถึงจะซื้อได้ ซื้อแล้วก็ไม่สามารถขายได้ทันทีเหมือนที่ไทย ต้องถือไว้ 2 ​วันถึงจะขายได้ เราเริ่มทำที่ตลาดหุ้นเวียดนามเพราะยากกว่าตลาดหุ้นหลักที่อื่น แต่ต้นปีหน้าเราจะขยายไปอีกหลายที่ เช่น สหรัฐฯ ญี่ปุ่น ฮ่องกง ยุโรป ฯลฯ”

บัวหลวงแนะ ถ้าอยากซื้อหุ้นตรงในต่างประเทศพอร์ทลงทุนต้อง 2-3 ล้านบาทขึ้นไปถึงจะคุ้ม

แต่การจะไปซื้อหุ้นตรงในต่างประเทศมีรายละเอียดที่ต้องศึกษามากมาย เช่น ค่าธรรมเนียม ระเบียบในการซื้อขายหุ้นซึ่งขึ้นอยู่กับตลาดหลักทรัพย์ในแต่ละประเทศ ต้นทุนอย่างค่าธรรมเนีนยมการโอนเงินข้ามประเทศ เรื่องอัตราแลกเปลี่ยนที่ขยับตลอดเวลา เช่น ที่เวียดนาม Fee ในการซื้อขายหุ้นอยู่ที่ 40-50 bps ของไทยอยู่ที่ 25 bps รวมไปถึงการนำเข้ารายได้กลับมาไทย

ดังนั้นแนะนำว่าคนที่สนใจลงทุนต่างประเทศ พอร์ทควรอยู่ที่ 2-3 ล้านบาทขึ้นไป และมองการลงทุนในระยะกลาง-ยาว (3-5 ปีขึ้นไป) และต้องมีความเข้าใจการลงทุน เช่น อ่านเอกสารของบริษัทฯ ที่จะลงทุนได้ เพราะจะต่างจากกองทุนรวมต่างประเทศ ที่บริษัทในไทยจะคัดเลือกและทำเอกสารเป็นภาษาไทยให้ติดตามง่ายกว่า

“ต้องยอมรับเรื่องการเงิน ขอใหม่ๆ จะเริ่มจากตลาดบนก่อน แล้วค่อยเข้าสู่คนทั่วไป ฐานลูกค้าของบัวหลวงมีอยู่ 350,000 คน เป็นกลุ่มทั่วไป 80% และตลาดบน 20%

รายย่อยอย่าเศร้า บัวหลวงเตรียมขายกองทุน ETF เวียดนามผ่าน SET ภายในปีนี้ ง่ายกว่าไปซื้อหุ้นที่นู่น

ภายในสิ้นปีนี้ บล.บัวหลวงคาดว่าจะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ชื่อว่า DR (Depositary Receipt) หรือ
ตราสารแสดงสิทธิการฝากหลักทรัพย์ต่างประเทศ (ขณะนี้ยื่น Filing แล้ว) คือ บัวหลวงจะไปซื้อหุ้นในต่างประเทศไว้ และเอาใบรับฝากหุ้นต่างประเทศนั้นมา Trade ใน SET เหมือนการยกหุ้นต่างประเทศมาซื้อขายในตลาดหุ้นไทยเหมือนหุ้นในไทย จากเดิมที่นักลงทุนต้องเปิดบัญชีต่างประเทศก่อน

“DR จะทำให้คนที่สนใจลงทุนต่างประเทศ ลงทุนได้ง่ายขึ้น เพราะไม่ต้องดูเรื่องง FX ค่าธรรมเนียมการโอนเงิน เงื่อนไขการซื้อหุ้นในต่างประเทศ เพราะ บล.บัวหลวงจะบริหารเรื่องนี้เองทั้งหมดและนำมาซื้อขายใน SET ให้ซื้อง่าย ขายคล่อง ข้อดีคืออาจะไม่ต้องเสียภาษีในปีนั้นด้วย ที่สำคัญคือเป็นลูกค้าของโบรกเกอร์ไหนก็สามารถซื้อขาย DR ได้ทั้งนั้น”

โดยสิ้นปี 2561 นี้คาดว่าจะออก DR ETF กองทุนที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เวียดนาม แม้ว่าค่าธรรมเนียมอาจจะไม่ถูกกว่าการไปซื้อหุ้นตรงในต่างประเทศ แต่สะดวกสบายในการจัดการมากกว่าแน่นอน เช่น ถ้าอยากลงทุนหุ้นเวียดนามต้องเอาเงินทิ้งไว้ในต่างประเทศ แต่ไม่ได้ดอกเบี้ยเป็นต้น แถมสามารถซื้อหุ้นแค่ 1 ตัวก็ได้ ไม่จำเป็นต้องซื้อขั้นต่ำ 100 หุ้นเหมือนหุ้นไทยในปัจจุบัน เรื่องนี้ กลต.จะเป็นคนควบคุมอย่างเคร่งครัด

แถมอยากซื้อตอนไหนก็ได้ราคาตอนนั้น ต่างจากการซื้อกองทุนรวมในไทยที่แม้เราจะสั่งซื้อตอน 10.00 น. แต่ราคาจะเป็นตอนสิ้นวันนั้นๆ DR จะออกมาเจาะลูกค้าทั้งกลุ่มบน กลุ่มกลางให้เข้าถึงได้ แต่ยังเหมาะกับคนที่ต้องการซื้อลงทุนยาวๆ

DR ต่อยอด Gateway ลงทุนของไทยเชื่อมทั่วโลก

เดิมการลงทุนในต่างประเทศ ไม่สนับสนุนให้ไทยมีการพัฒนามากขึ้น แต่การทำ DR มีข้อดีคือทำให้ไทยกลายเป็น Gateway การลงทุนของ CLMV ได้ เช่น เมื่อบัวหลวง จับมือกับบล. ที่เวียดนาม อาจจะกลายเป็นช่องทางให้เขาดึงกองทุนในไทย ETF ไทยไปซื้อขายในตลาดหุ้นบ้านเขาได้ และทำให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางทางการเงิน

“DR ทางกลต. ออกเกณฑ์ให้โบรกฯ ทำได้มา 5-6 ปีที่แล้ว แต่ก็มีต้นทุนการบริหารจัดการเยอะ เลยไม่มีใครทำ บล.บัวหลวงจะเป็นเจ้าแรกในเมืองไทยที่ทำ DR ก็หวังว่าจะได้รับการตอบรับที่ดี”

ต้นปีหน้า 2562 บล. บัวหลวงมีแผนที่จะขยายไป ETF ของประเทศอื่นๆ ในตลาดชั้นนำที่มี Timezone เดียวกัน เช่น ฮ่องกง ฯลฯ แต่ต้องย้ำว่า DR เหมาะสำหรับกลุ่มคนที่รับความเสี่ยงสูงได้ (เพราะมีเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน) ตปท. เหมาะ คนที่อยากกระจายลงทุนตปท. ลงทุนยาว มองตลาดหุ้นน่าสนใจ

สรุป

ใครๆ ก็อยากลงทุนแล้วมีกำไร แต่การทุ่มเงินทั้งก้อนลงทุนครั้งเดียวถึงง่ายแต่ก็เสี่ยงมาก ดังนั้นบล.บัวหลวงแนะนำให้ กระจายความเสี่ยงลงทุนในหลายสินทรัพย์ และเมื่อไทยยังผันผวน ก็ควรลงทุนในต่างประเทศ อาจจะเป็นรูปแบบกองทุนรวม ซื้อหุ้นตรง และ DR ที่บัวหลวงเป็นเจ้าแรกในไทยออกผลิตภัณฑ์ใหม่ให้นักลงทุนซื้อ ETF ของเวียดนามผ่าน SET ในไทยได้เลย

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา