#คั่นกู จากความสำเร็จซีรีส์ Y สู่การต่อยอดธุรกิจที่ “ได้มากกว่า” ของ GMMTV

หนึ่งในซีรีส์ที่มีคนพูดถึงมากที่สุดในตอนนี้ #คั่นกู หรือ เพราะเราคู่กัน นับตั้งแต่วันออกอากาศครั้งแรก 23 กุมภาพันธ์ 2563 สามารถทำให้แฮชแท็ก #คั่นกู ขึ้นติดเทรนด์อันดับหนึ่งในทวิตเตอร์ทั้งในไทยและเทรนด์ระดับโลกอยู่หลายครั้ง

อะไรที่ทำให้กระแส #คั่นกู ในโลกออนไลน์มีมากมายมหาศาล หรือเพราะความลงตัวของคู่นักแสดงหลัก ไบร์ท-วชิรวิชญ์ ชีวอารี และ วิน-เมธวิน โอภาสเอี่ยมขจร ทาง Brand Inside ได้มีโอกาสพูดคุยกับ ออฟ-นพณัช ชัยวิมล ผู้อำนวยการฝ่าย Content Production ของ GMMTV ในแง่มุมมองของผู้ดูแลการผลิตซีรีส์ต่างๆ ของ GMMTV รวมไปถึงโอกาสและผลพลอยได้ในการต่อยอดธุรกิจ

love sick the series

จาก “Love Sick The Series” ถึงซีรีส์วายเรื่องแรกของ GMMTV “SOTUS The Series”

พี่ออฟเล่าย้อนซีรีส์วายเรื่องแรกที่ออกอากาศเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2557 ผ่านสถานีโทรทัศน์ MCOT HD “Love Sick The Series” เล่าเรื่องด้วยความรักในรั้วโรงเรียนของ ปุณณ์ (รับบทโดย ไวท์-ณวัชร์ พุ่มโพธิงาม) กับ โน่ (รับบทโดย กัปตัน-ชลธร คงยิ่งยง) นักเรียนโรงเรียนชายล้วนแห่งหนึ่ง จนได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก จนเกิดการสร้าง Love Sick Season 2 ในปีถัดไป

ก่อนที่ GMMTV จะทำซีรีส์ Y แบบเต็ม เคยทดลองตลาดโดยนำคู่ Y ใส่ในคู่รองของซีรีส์ทั่วๆ ไป ปรากฎว่าได้รับความนิยมอย่างมาก จึงตัดสินใจผลิตเป็นซีรีส์ Y เต็มๆ เป็นครั้งแรกกับ SOTUS The Series พี่ว้ากตัวร้ายกับนายปีหนึ่ง นำแสดงโดย สิงโต-ปราชญา เรืองโรจน์ และ คริส-พีรวัส แสงโพธิรัตน์ จนเกิดเป็น #คริสสิง และเริ่มเห็นศักยภาพของตลาดซีรีส์ Y น่าจะต่อยอดไปธุรกิจอื่นๆ ได้

และเป็นจุดเริ่มต้นให้ GMMTV เริ่มผลิตซีรีส์ Y เพิ่มขึ้นประมาณ 1-2 เรื่องต่อปี จากซีรีส์ปกติที่ทาง GMMTV ผลิตประมาณ 12 เรื่องต่อปี

ซีรีส์ Y ไม่ได้สวยหรูเรื่องรายได้โฆษณา

จากซีรีส์ที่ GMMTV ผลิตขึ้นเฉลี่ย 10-12 เรื่องต่อปี พบว่า หากเจาะลึกไปยัง Main Sponsor กับกลุ่มซีรีส์ Y มีน้อยเรื่องมากที่จะได้รับการสนับสนุนจากหลากหลายแบรนด์ เพื่อให้ซีรีส์สามารถสร้างรายได้และมีกำไรด้วยตัวเอง ซึ่งความนิยมและการตอบรับจากแฟนคลับมีส่วนช่วยอย่างมาก ให้แบรนด์ต่างๆ เปิดใจมาสนับสนุนมากขึ้น

พี่ออฟ เล่าให้ฟังว่า ซีรีส์ Y ปัจจุบันจะมองแค่การหาสปอนเซอร์ สร้างรายได้ด้วยตัวเองเท่านั้นไม่ได้ ต้องมองถึงการต่อยอด การจัดกิจกรรม การเป็นพรีเซนเตอร์ของนักแสดง และอื่นๆ และยังต้องมองด้วยว่า GMMTV จะเป็น Academy พัฒนานักแสดงใหม่ๆ ออกมาสู่ตลาด ใครมีความสามารถหรือพัฒนาศักยภาพของตนเองให้มีความโดดเด่น ก็จะเอาไปต่อยอดด้านอื่นๆ ได้

ไบร์ท-วิน ส่วนผสมที่ลงตัว กระชากเรทติ้ง 0.8

เพราะเราคู่กัน เป็น 1 ใน 2 เรื่อง ที่เป็นซีรีส์ Y เต็มตัวที่ GMMTV มีแผนออกอากาศในปีนี้ จากผู้เขียน “JittiRain” ที่นำเพลงของ SCURBB มาเรียงร้อยเรื่องราว รวมเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ของสารวัตร และ ไทน์ ผ่านการเดินเรื่องแบบ Romantic Comedy ที่ย่อยง่าย แต่มีเนื้อเรื่องน่าติดตาม รวมไปถึงเป็น 1 ใน 3 ของนิยาย Y ที่ถูกโหวตให้นำมาสร้างเป็นซีรีส์อีกด้วย ส่งผลทำให้เรทติ้งของ เพราะเราคู่กัน จากการจัดทำโดย นีลเส็น อยู่ที่ 0.8 ถือว่าสูงที่สุดในซีรีส์ Y ของ GMMTV

จากคำวิจารณ์การแสดงทั้ง ไบร์ท-วิน ได้รับการชื่นชมว่าสามารถถ่ายทอดเรื่องราวได้อย่างลงตัว จนทำให้ทั้งไบร์ท มีผู้ติดตาม IG 3.6 ล้านคน Twitter 1.2 ล้านคน ส่วนของวินก็ไม่น้อยหน้า มีผู้ติดตาม IG 2.6 ล้านคน Twitter 1 ล้านคน (อัพเดทล่าสุด 12 พฤษภาคม 2563)

นอกจากนี้ “เพราะเราคู่กัน” ยังครองแชมป์เรื่องของผู้เข้าชมทุกแพลตฟอร์ม ผู้ชมไทยผ่าน LINE TV รวมไปถึง YouTube ที่เปิดให้แฟนๆ จากต่างประเทศสามารถดูย้อนหลังโดยมีคำบรรยายภาษาอังกฤษได้ทันทีหลังจากที่ซีรีส์ออนแอร์จบแล้ว ซึ่งตอนนี้มีผู้ดูรวมทุกตอนแล้วมากกว่า 300 ล้านวิว ซึ่งถือว่ามากที่สุดนับตั้งแต่มีซีรีส์ของ GMMTV

วิกฤต COVID-19 ทำรายได้หาย

COVID-19 ทำให้เสียโอกาสค่อนข้างมาก งานอีเวนต์หายไป งานพรีเซนเตอร์ลดลง หรือเลื่อนออกไป อาจมีช่องทางออนไลน์ เช่น IG และ Twitter ที่คู่พระเอกนายเอก มีผู้ติดตามหลายล้าน ก็ทำให้สามารถรับงานได้ แต่ก็ยังไม่ครอบคลุมเท่าสถานการณ์ปกติ

จากข้อมูลของเอเจนซี่ (อัพเดทเมื่อช่วงต้นเดือนพฤษภาคมคม 2563) เผยให้ Brand Inside ทราบเรื่องของการว่าจ้างงานของสองนักแสดงนำ “ไบร์ท-วิน” ซึ่งทั้งคู่มีเงื่อนไขรับงานคู่เท่านั้น และขายเป็นแพคเกจ ราคาเริ่มต้นที่ 1 ล้านบาท โดยโปรโมทสินค้าผ่านช่องทาง IG รวมไปรายการต่างๆ ที่เผยแพร่บน YouTube (แล้วแต่เงื่อนไข) ส่วนหากแยกเป็นการโพสเฉพาะ IG ต่อครั้ง ต่อคน ราคาอยู่ที่ประมาณ 1.5-1.8 แสนบาท

แหล่งข่าวแบรนด์สินค้ารายหนึ่ง เปิดเผยว่า ช่วงที่ซีรีส์ออนแอร์ไปได้ไม่กี่ตอน ไบร์ท-วิน มีผู้ติดตามช่องทาง Social Media ที่ติดตามทั้งในประเทศ และต่างประเทศเป็นจำนวนมาก บางภาพใน IG มีคนกดถูกใจภาพมากกว่า 1 ล้าน แสดงให้เห็นถึงช่องทางสร้างการรับรู้ของแบรนด์ (Brand Awareness) ตรงกับกลุ่มเป้าหมายซึ่งเป็นวัยรุ่น อาจจะไม่ได้เรื่องของการสร้างยอดขาย แต่เมื่อพิจารณาโดยรวม ถือว่าคุ้มค่ามากที่ได้ไบร์ทและวินมาร่วมงาน

ภาพจาก YouTube Channel หนังหน้าโรง

ซีรีส์ฮิต คนทำ Reactions ก็โตขึ้นตามด้วย

พี่ออฟ บอกว่า YouTuber ที่ได้ประโยชน์จากซีรีส์ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน ที่มีแชลแนลโตแบบก้าวกระโดดอย่างรวดเร็ว นั้นก็คือกลุ่มคนไทยที่ทำ “Reactions” และ “Recap” ที่เพิ่งมาได้รับความนิยมจริงๆ จังๆ ในไทยเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งจุดเริ่มต้นของ Reactions เกิดขึ้นจากชาว YouTuber ชาวต่างชาติเมื่อประมาณสามปีที่แล้ว

Reactions คือการที่ YouTuber นำคลิปต่างๆ ทั้งซีรีส์ ภาพยนตร์ หรือโฆษณามาดู พร้อมกับการแสดงความรู้สึกต่อสิ่งนั้นๆ ซึ่งคนดูเองก็อยากรู้ว่าตนเองมีความรู้สึก ความคิด หรือต้องการฟังการแปลความว่าตรงกับ YouTuber คนนั้นๆ ไหม ซึ่งหลายๆ แชลแนลก็ได้หยิบยก “เพราะเราคู่กัน” นำไปทำ Reactions

การที่จะนำซีรีส์ หรือส่วนหนึ่งส่วนใดของเนื้อหา นำไปทำ Reactions ต้องได้รับการอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ทุกๆ ครั้ง อย่างกรณี เพราะเราคู่กัน มีทั้งหมด 13EP ก็ต้องทำเรื่องขออนุญาตทั้งหมด 13EP เช่นกัน เพราะหากระบบของ YouTube ตรวจลิขสิทธิ์เจอ ก็อาจจะโดนแบนได้ ดังนั้น YouTuber ควรทำเรื่องขออนุญาตให้ถูกต้อง

เตรียมจิกหมอนนับดาว กับ “นิทานพันดาว”

นิทานพันดาว เป็นซีรีส์ Y อีกเรื่องที่มีกระแสและเสียงเรียกร้องให้นำมาผลิตเป็นซีรีส์อันดับต้นๆ และมีการเปิดตัวในงานแถลงข่าว GMMTV 2020 New & Next มียอดผู้ดู Trailer เกิน 1 ล้านวิวเป็นซีรีส์แรก จากทั้งหมด 12 เรื่องที่เปิดตัวในงาน ซึ่ง พี่ออฟเป็นทั้งมือเขียนบท และกำกับการแสดงเรื่องนี้ ได้นักแสดงคู่หลักอย่าง เอิร์ท-พิรพัฒน์ วัฒนเศรษสิริ และ มิกซ์-สหภาพ วงศ์ราษฎร์ ซึ่งแฟนๆ เตรียมฟินได้เร็วๆ นี้

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา