เปิดประวัติ Brian Niccol ผู้ที่จะครองเก้าอี้ประธานและซีอีโอคนใหม่ล่าสุดของ Starbucks ในเดือนหน้า ที่ดูเหมือนว่านักลงทุนจะเชื่อมั่นในตัวเขาเหลือเกิน
Brian Niccol คือคนที่ทำให้หุ้น Starbuck พุ่งขึ้น 21% ทันทีที่ถูกประกาศว่าจะขึ้นเป็นซีอีโอคนใหม่เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ขณะที่บริษัทเก่าที่ลาออกมาอย่าง Chipotle กลับหุ้นร่วงลง 9% เขาคือใครกัน?
จุดเริ่มต้นของชายผู้คร่ำหวอดในวงการร้านอาหาร
Brian Niccol เป็นชายชาวอเมริกันที่เกิดในปี 1974 (ปัจจุบันอายุ 49 ปี) เขาเข้าเรียนปริญญาตรีจาก Miami University ในปี 1992-1996 และจบปริญญาโทคณะบริหารธุรกิจจาก University of Chicago ในปี 2002
Niccol เริ่มต้นอาชีพในวงการร้านอาหารด้วยการทำงานที่ Procter & Gamble หรือที่รู้จักกันในชื่อ P&G ซึ่งเป็นผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่ เขาใช้เวลาอยู่ที่นี่เป็น 10 ปี
ต่อมา Niccol ได้ทำงานตำแหน่งผู้บริหารหลายตำแหน่งให้ Pizza Hut ในปี 2005-2011 ก่อนจะได้เข้ามาทำงานในบริษัทร้านอาหารเม็กซิกัน Taco Bell และมีโอกาสได้แสดงฝีมืออันโดดเด่นออกมาที่นี่
เขาได้นั่งเก้าอี้หลายตำแหน่งอีกครั้งที่ Taco Bell ซึ่งเป็นร้านอาหารในเครือใหญ่ Yum! Brands โดยเขาเริ่มต้นจากการเป็นประธานฝ่ายการตลาดและนวัตกรรมในปี 2011 ตามมาด้วยประธานบริษัทระหว่างปี 2013-2014 จนกลายเป็นซีอีโออีก 3 ปีตั้งแต่ปี 2015-2018
ขณะที่เป็นซีอีโอของ Taco Bell เขามีส่วนช่วยคิดค้นเมนูใหม่ ขายแฟรนไชส์ร้านอาหารเพื่อขยายธุรกิจ และยังเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยีการสั่งอาหารผ่านสมาร์ทโฟนมาใช้ ซึ่งต่อมาก็ได้นำระบบนี้มาใช้ที่ Chipotle ด้วย
Niccol ยังมีโอกาสได้แสดงฝีมืออีก หลังบริษัทถูกฟ้องร้องในปี 2011 ว่าส่วนผสมอื่นๆ ของทาโก้มีมากกว่าเนื้อวัวเสียอีก แม้ต่อมาคดีจะถูกถอนฟ้องไป แต่เรียกได้ว่า Taco Bell สูญเสียทั้งยอดขายและชื่อเสียง เวลานี้เองที่ Taco Bell ภายใต้การนำของ Niccol สร้างฟิลเตอร์รูปทาโก้บน Snapchat ทำให้ลูกค้าได้มีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์มากขึ้น
Niccol กับผลงานชิ้นโบว์แดงที่ Chipotle
แต่ผลงานชิ้นโบว์แดงของเขาเกิดขึ้นที่ Chipotle Mexican Grill เชนร้านอาหารเบอร์ริโต้ซึ่งเป็นอาหารเม็กซิกันและเป็นที่ที่ Niccol ได้แสดงฝีมืออีกครั้งด้วยการทำหุ้นบริษัทพุ่งสูงขึ้น 800%
Niccol เริ่มต้นการทำงานที่ Chipotle ในฐานะซีอีโอในปี 2018 พอเข้ามาก็เจอความท้าทายใหญ่จากกรณีที่ลูกค้าร้าน Chipotle กินอาหารเข้าไปแล้วมีอาการท้องเสียและอาการป่วยกันอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2015-2018 จนทำให้เสียความเชื่อมั่นจากลูกค้าและหุ้นร่วง
ในตอนนั้น Niccol เข้ามาและเริ่มลงมือแก้ปัญหาจากการให้พนักงานภายในร้านเข้ารับการอบรมเรื่องความปลอดภัยของอาหารใหม่อีกรอบ จนเวลาผ่านไป 1 ปี กลายเป็นว่ามูลค่าหุ้นของบริษัทเพิ่มขึ้นเกินมูลค่าก่อนที่จะเกิดปัญหานี้ซะอีก
นอกจากนั้น Niccol ยังเน้นไปที่กลยุทธ์การเปิดบริการ Drive-Through มากขึ้นและขยายบริการที่ช่วยให้ Brand Loyalty แข็งแกร่งกว่าเดิม
เขาทำงานอยู่ Chipotle รวม 6 ปี ในช่วงระยะเวลานี้ ยอดขายของบริษัทเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่า ราคาหุ้นพุ่งราว 800% เทียบกับปี 2018 ที่เขาเพิ่งขึ้นมาดำรงตำแหน่งซีอีโอ
ผลงานของ Niccol เป็นที่ประจักษ์จนเขาติดโผบนหลายลิสต์ของผู้นำด้านธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น People who Defined 2019 จาก Bloomberg ซึ่งเทียบเท่ากับลิสต์ซีอีที่ดีที่สุดประจำปี แล้วยังมีชื่อบนลิสต์ Businessperson of the Year จาก Fortune ในปี 2019 รวมทั้ง Distinguished Alumni จาก University of Chicago ในปี 2020
Niccol ผู้ที่นักลงทุนเชื่อว่าจะมากอบกู้ Starbucks และจบยุค Howard Schultz
จากประสบการณ์ทำงานของ Niccol ที่ผ่านมา ก็อาจจะสรุปได้ว่าเขาเป็นผู้คร่ำหวอดคนหนึ่งในวงการอาหารที่ต่อไปจะผันตัวมาเป็นผู้นำของเชนร้านกาแฟบ้าง
Wall Street ศูนย์กลางการเงินของโลกยังเชื่อมั่นว่า Niccol จะเป็นผู้กอบกู้ Starbucks หลังผลประกอบการไม่น่าพึงพอใจในช่วงที่ผ่านมาจนราคาหุ้นตก และเชื่อว่าเขาจะเป็นผู้พาบริษัทก้าวผ่านยุคของ Howard Schultz อดีตซีอีโอที่มีอิทธิพลกับบริษัทเป็นหลัก 10 ปี
Niccol ขึ้นมาแทนที่ซีอีโอ Laxman Narasimhan ผู้ที่ดำรงตำแหน่งซีอีโอตั้งแต่ในช่วงต้นปีที่แล้วซึ่ง Schultz เลือกมาเองกับมือ
ก่อนหน้านี้ Schultz ได้เป็นซีอีโอของ Starbucks แล้วมา 3 สมัยตั้งแต่ปี 1986-2000 ครั้งต่อมาเป็นช่วงปี 2008-2017 และสมัยสุดท้ายปี 2022-2023 เขากลับมาถึง 2 ครั้งนี้เพื่อฟื้นฟูบริษัทในช่วงที่ยอดขายเริ่มลดลง จนครั้งล่าสุดทำให้นักลงทุนเริ่มกังวลเรื่องการส่งต่อเก้าอี้ซีอีโอของบริษัท
การเข้ามาของ Niccol ที่มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมอาหารมาเป็นหลักสิบปีเลยอาจเป็นสัญญาณว่า Schultz จะวางมือแล้วจริงๆ จนช่วยสร้างความมั่นใจให้นักลงทุนได้
Schultz เองก็ได้รับรอง Niccol ในประกาศแต่งตั้งซีอีโอคนใหม่ด้วยว่า ตัวเขาเองเชื่อว่า Niccol เป็นผู้นำที่บริษัทต้องการใน “ช่วงเวลาสำคัญในประวัติศาสตร์”
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์หลายคนยังมองว่าการก้าวขึ้นมาเป็นหัวเรือใหญ่ของ Starbucks อาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะธุรกิจของ Starbucks ซับซ้อนกว่า Chipotle อยู่มาก มีทั้งธุรกิจใหญ่ในสหรัฐอเมริกาและในต่างประเทศ และยังต้องใช้กลยุทธ์ในการรับมือกับตลาดจีนที่เศรษฐกิจยังชะลอตัวอยู่แถมมีคู่แข่งที่เป็นแบรนด์จีนเองด้วย
ต้องคอยดูกันต่อไปว่า Starbucks ในยุคของ Niccol จะเป็นยังไงต่อไปในยุคที่บริษัทต้องรับศึกหลายด้าน และตัวเขาเองจะมีความมุ่งมั่น มีแพชชั่นให้กับกาแฟมากเท่าที่มีให้กับอาหารเม็กซิกันจนผลงานเป็นที่ประจักษ์แก่สายตานักลงทุนหรือเปล่า
ที่มา – New York Times, CNBC, Economic Times
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา