เมื่อ Brexit ไม่มีบทสรุป ค่าเงินปอนด์เลยอ่อนค่าเป็นรอบ 2 แถมยังมีผลกระทบตลาดหุ้นอีก

เราได้ยินเรื่อง Brexit กันมาตั้งแต่ปี 2016 ว่าอังกฤษจะออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (EU) ครั้งแรกที่มีข่าวก็ทำให้ค่าเงินปอนด์อ่อนค่าลงไปแตะ 1.18 ดอลลาร์สหรัฐต่อปอนด์ ซึ่งตามแผนเราจะเห็นอังกฤษออกจาก EU จริงๆ ในเดือนมี.ค. 2019 นี้ แต่เมื่อตลาดหวั่นไหวตอนนี้ค่าเงินปอนด์ก็สะเทือนอีกแล้ว

ภาพจาก shutterstock

ตลาดกังวล Brexit ดึงปอนด์อ่อนค่าเป็นรอบที่ 2

George Brown นักเศรษฐศาสตร์ Investec บอกว่า หลายเดือนที่ผ่านมา เราเห็นว่าการเจรจาระหว่างอังกฤษและ EU ยังไม่คืบหน้า และมีแนวโน้มว่า อังกฤษจะ Brexit โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขใน Single Market (ตลาดเดียวซึ่งทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายอย่างค้าเสรี ทั้งสินค้า คน ฯลฯ) และ เงื่อนไขสหภาพศุลกากร (การคิดอัตราภาษีแบบเดียวกันในกลุ่มสมาชิก)

ทำให้นักลงทุนในตลาดเริ่มมีความกังวลว่าอังกฤษจะ Brexit แบบไหน และหากไม่มีการเจรจาเงื่อนไขการค้าอาจจะทำให้ปอนด์อาจจะลงไปแตะ 1.10 ดอลลาร์สหรัฐต่อปอนด์

ภาพจาก shutterstock

แต่หลักๆ คนยังเชื่อว่าอังกฤษ และ EU จะสามารถเจรจากันได้ก่อน Deadline และอังกฤษสามารถออกจาก EU ได้ตามกำหนดการเดือนมี.ค. 2019

ปัจจุบันค่าเงินปอนด์อ่อนค่าลงอีก จนอยู่ที่ 1.27 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อปอนด์ ซึ่งอาจจะกระทบผู้ผลิตยานยนต์ ธุรกิจค้าปลีก และธุรกิจรายย่อย รวมถึง Supply Chains ของธุรกิจเหล่านี้ด้วย

ภาพจาก shutterstock

ผลกระทบ Brexit ต่อตลาดหุ้น-ตลาดตราสารหนี้สะเทือน

David Cheetham chief market analyst at brokerage XTB บอกว่า หากไม่มีการเจรจาดีลเงื่อนไขทางการค้าเกิดขึ้น ฝั่งตลาดหุ้นหวั่นไหวต่อสถานการณ์ Brexit มากกว่าสถานการณ์ค่าเงินปอนด์อีก

แต่ข้อดีคือค่าเงินปอนด์ที่อ่อนค่าอาจจะทำให้นักลงทุนสนใจเข้ามาซื้อหุ้นอังกฤษ เพราะได้ราคาถูกลงก็ได้ ขณะเดียวกันยังส่งผลดีต่อ บริษัทขนาดใหญ่ใน FTSE 100 อย่างบริษัทน้ำมัน เหมืองแร่ ที่รายได้ส่วนใหญ่มาจากต่างประเทศ เมื่อรับเงินเป็นสกุลต่างชาติเวลาแลกกลับมาเป็นปอนด์จึงได้เงินมากขึ้น

ทว่ากลุ่มที่ได้รับผลกระทบก็เช่น ธุรกิจบริการในประเทศ กลุ่มที่มีการนำเข้าสูง ธุรกิจรายย่อย ธุรกิจท่องเที่ยว เครื่องดื่ม แอลกอลฮอล์ บริษัทแพกเกจอาหาร และภาคการผลิต อาจจะมีต้นทุนสูงขึ้นเพราะเรื่องภาษี รวมถึงได้รับผลกระทบหากไม่มีการเจรจาเงื่อนไขการค้าระหว่างอังกฤษกับ EU

ภาพจาก UK Parliament

John Higgins chief markets economist Capital Economics บอกว่า จากความกังวลเรื่อง Brexit ทำให้เห็นความเคลื่อนไหวใหญ่ในตลาดตราสารหนี้ของอังกฤษ หลักๆ คือ ถ้า Brexit แบบไม่มีเงื่อนไข อาจทำให้ผลตอบแทนพันธบัตรอังกฤษลดลงเหลือ 1% จาก 1.25% จากที่นักลงทุนหันไปหา Safe haven asset (ทรัพย์สินปลอดภัย)

“ครั้งที่แล้วก่อนอังกฤษจะลงมติ Brexit ผลตอบแทนพันธบัตรที่ลดลงเหลือ 0.6% จาก 1.4% ภายใน 2 เดือน ดังนั้นครั้งนี้ลดลงเหลือ 1% เลยดูเหมือนไม่เป็นปัญหานัก”

ที่มา CNNMoney

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา