“ไม่อร่อย-ไม่ถูก” แต่ “แบรนด์” ก็ยังจำหน่ายซุปไก่สกัดได้เกือบ 6,000 ล้านบาท

“ซุปไก่สกัด” อยู่คู่กับคนไทยมานานแล้ว และถูกครองโดย “แบรนด์” แทบจะเบ็ดเสร็จ ผ่านส่วนแบ่งกว่า 90% จากมูลค่าตลาด 6,500 ล้านบาท ถือเป็นอีกเรื่องที่น่าจะประหลาดใจ เพราะคนส่วนใหญ่มองว่าไม่อร่อย และมีราคาสูง

ราคาซุปไก่สกัดแบรนด์ในแต่ละรสชาติ

ภาพลักษณ์ชัด ยิ่งกระแสสุขภาพมาก็ยิ่งบูม

หากนับย้อนไปประมาณ 30 ปี บริษัท เซเรบอส (ประเทศไทย) จำกัด เจ้าของซุปไก่สกัด “แบรนด์” ได้ก่อตั้งโรงงานที่จังหวัดนนทบุรี เพื่อผลิตสินค้าตัวนี้ขายในไทยอย่างจริงจัง ประกอบกับแผนการตลาดที่ชูภาพลักษณ์ของสินค้าให้โดดเด่นเรื่องการรักษาสุขภาพ ทำให้คนไทยส่วนใหญ่จะนึกถึงซุปไก่สกัดเป็นสิ่งแรกๆ หากอยากดื่มอะไรเพื่อสุขภาพ

นันทนา ขาวปลื้ม ผู้จัดการทั่วไป บริษัท แบรนด์ ซันโทรี่ (ประเทศไทย) จำกัด เล่าให้ฟังว่า ด้วยภาพลักษณ์ที่แข็งแกร่งจากการปูพรมมาเป็นระยะเวลานาน ประกอบกับกระแสรักสุขภาพในประเทศไทยเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทค่อนข้างได้ประโยชน์จากเรื่องนี้มาก และช่วยให้ยอดขายเติบโตขึ้นเช่นกัน

นันทนา ขาวปลื้ม ผู้จัดการทั่วไป บริษัท แบรนด์ ซันโทรี่ (ประเทศไทย) จำกัด

“ปีที่แล้วแบรนด์ครองส่วนแบ่งในตลาดซุปไก่สกัด 6,500 ล้านบาทอยู่กว่า 90% และมีส่วนทำให้ตลาดนี้เติบโต 4% เพราะเราเป็นคน Lead ตลาดนี้ ถ้าเราไม่ทำอะไรตลาดมันก็ไม่โต ปีที่แล้วจึงลงทุนขยายหน่วยรถเพื่อกระจายสินค้าเข้าไปที่ Traditional Trade หรือโชห่วยเป็น 1 แสนจุด จากเดิมที่อยู่ราว 30,000 จุด”

โชห่วยคือส่วนสำคัญในการปั๊มยอดขาย

สำหรับสัดส่วนยอดขายซุปไก่สกัดของแบรนด์ปัจจุบันแบ่งเป็น Modern Trade (ศูนย์การค้า, ไฮเปอร์เทรด และร้านสะดวกซื้อ) 70% กับ Traditional Trade 30% ซึ่งอย่างหลังนั้นค่อยๆ เติบโตขึ้น เพราะผู้บริโภคเริ่มให้ความสำคัญกับสุขภาพ และเชื่อในคุณภาพของตัวคุณสมบัติซุปไก่สกัดว่าสามารถช่วยเรื่องสุขภาพได้

หน่วยรถของแบรนด์ เพื่อกระจายสินค้าเข้า Traditional Trade มากขึ้น

“โชห่วยก็เป็นช่องทางสำคัญของเรา แม้หลายคนมองว่าสินค้าซุปไก่สกัดราคาค่อนข้างสูง อาจไม่เหมาะกับการขายช่องทางนี้ แต่เมื่อพิสูจน์ดูแล้วมันไม่ใช่ เพราะในโชห่วยระดับกลางยังขายสินค้าประเภทนี้ได้ค่อนข้างดี ยิ่งเรารุกหน่วยรถเข้าไป ก็ยิ่งทำให้เราใกล้ชิดผู้บริโภคมากขึ้น และมีส่วนสำคัญในการเพิ่มยอดขายปีนี้”

ทำให้ “แบรนด์” ตั้งเป้ายอดขายซุปไก่สกัดปีนี้เติบโต 8-10% และมีส่วนสำคัญทำให้ยอดขายรวมทุกสินค้าของบริษัทปีนี้เติบโต 8-10% จากที่ปีก่อนทำได้ 11,000 ล้านบาทเช่นกัน โดยมาจากสินค้าซุปไก่สกัด 55%, รังนก 30%, แบรนด์วีต้า 10% และอื่นๆ (เห็ดสกัด, แบรนด์เม็ด และ Gen-U) อีก 5%

แคมเปญ “ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น” ของแบรนด์

ดึงตระกูล “วรรธนะสิน” โปรโมทแบรนด์

“ปี 2561 เป็นอีกปีที่ท้าทายของเรา เพราะเพิ่งปรับโครงสร้าง และเปลี่ยนผู้บริหารตัวหลักๆ ประกอบกับด้วยความเป็นผู้นำในตลาดซุปไก่สกัด ทำให้เราต้องกดดันตัวเองตลอดเวลาเพื่อทำให้ตลาดนี้มันเติบโตตลอด จึงตัองลงทุนการตลาด และส่งสินค้าใหม่ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง”

ดังนั้นปีนี้เบอร์หนึ่งซุปไก่สกัดจึงใช้งบประมาณกว่า 145 ล้านบาทเพื่อทำแคมเปญภายใต้แนวคิด “ส่งต่อรุ่นสู่รุ่น” โดยดึงครอบครัว “วรรธนะสิน” ตั้งแต่ “เจริญ วรรธนะสิน” กับ “เจ-เจตริน วรรธนะสิน” ที่เคยเป็นพรีเซนเตอร์เมื่อ เกือบ 30 ปีก่อน พร้อมกับ “เจ้านาย-จิณเจษฎ์ วรรธนะสิน” มาช่วยในการสื่อสารแบรนด์ภายในปีนี้

โดยตัวแคมเปญนี้จะเข้าสู่กลุ่มเป้าหมายภายใต้แผน Multi-Screen หรือลงในสื่อดั้งเดิม เช่นสิ่งพิมพ์, โทรทัศน์ และป้ายโฆษณาตามจุดต่างๆ ประกอบกับมีช่องทางออนไลน์ รวมถึงใช้ Influencer จำนวนหนึ่งด้วย ทำให้ “แบรนด์” ยังเป็นตัวเลือกอันดับแรกๆ ในสินค้าซุปไก่สกัดของผู้บริโภคชาวไทย

สรุป

เมื่อเป็นผู้นำ แถมยังนำซะห่าง ผ่านส่วนแบ่งตลาด 90% ย่อมไม่แปลกที่ “แบรนด์” และทีมผู้บริหารชุดใหม่จะต้องเผชิญกับแรงกดดันที่สูง เพื่อทำให้ตลาดซุปไก่สกัดนั้นเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่ส่วนตัวเชื่อว่าหากยังไม่มีอะไรมาลบความคิดเกี่ยวกับคุณประโยชน์ของซุปไก่สกัดได้ “แบรนด์” ก็ยังครอง และ Lead ตลาดนี้ออกไปเรื่อยๆ แน่นอน

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา