หลังจากที่ Facebook ปรับ News Feed ครั้งใหญ่เมื่อต้นปี ก็เริ่มมี Agency หลายรายออกมาบ่นว่า ค่าโฆษณาแพงขึ้น 35% ล่าสุด มีข่าวว่าแบรนด์ต่างประเทศหลายรายเริ่มทยอยลดการซื้อโฆษณาผ่าน Facebook แล้ว
แบรนด์สิ้นหวังกับ Facebook จ่ายแพงขึ้น แถมเห็นน้อยลง
- แบรนด์ต่างประเทศหลายรายเริ่มหาช่องทางอื่นในการทำการตลาด ลดการซื้อโฆษณาผ่าน Facebook เพราะค่าใช้จ่ายสูง และผู้บริโภคเห็นโฆษณาน้อยลง
Digiday เข้าไปสอบถามแบรนด์ที่ทำการตลาดกับผู้บริโภคโดยตรงกว่า 10 ราย พบว่า มีถึง 7 รายที่เริ่มกระจายความเสี่ยงในการซื้อโฆษณาไปยังแพลตฟอร์มอื่นมากขึ้น โดยเหตุผลหลักมาจากค่าโฆษณาบน Facebook ที่แพงมากขึ้นทุกวัน
อันที่จริง นี่อาจไม่ใช่เรื่องน่าตกใจ เพราะถ้าใครที่ใช้ Facebook เป็นช่องทางหลักในการทำมาหากิน ทั้งเพจเล็ก เพจใหญ่ หรือกระทั่งสำนักข่าว เชื่อว่าในช่วงเดือนเมษายนจนถึงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา น่าจะได้เห็นตัวเลข Organic Reach บนเพจที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน (โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับช่วงที่ Facebook ปรับประกาศ News Feed ใหม่ๆ ก็ยังไม่ร้ายแรงเท่าช่วงนี้) บางรายยอด Reach ตกต่ำถึง 122% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
Brooklinen แบรนด์ที่ทำการตลาดถึงผู้บริโภคโดยตรง บอกเลยว่า ช่วงหลังมานี้บริษัทต้องจ่ายเงินซื้อโฆษณาบน Facebook คิดเป็น 75% ของงบประมาณในการซื้อสื่อ ถือว่าสูงมาก และไร้ประสิทธิภาพลงเรื่อยๆ อีกด้วย
ด้านของแบรนด์ Curology ก็ให้ข้อมูลทำนองเดียวกันว่า บริษัทต้องจ่ายเงินเพิ่มขึ้นมากถึง 30-50% เพื่อทำให้ผู้บริโภคเห็นโฆษณาในอัตราเท่าเดิมบน Facebook ดังนั้นทางออกที่ทำคือ โยกเงินงบประมาณในการซื้อสื่อของแบรนด์ออกจาก Facebook ถึง 30% เรียบร้อยแล้ว มากกว่านั้นในช่วงสัปดาห์นี้จะโยกเงินอีก 30% ไปลงในแพลตฟอร์มอื่นที่ไม่ใช่ Facebook อย่างแน่นอน
ซื้อโฆษณากับ Facebook น้อยลง แล้วเอาเงินไปลงที่ไหน?
สำหรับธุรกิจที่เกิดใหม่ สิ่งสำคัญคือการขยายความรับรู้ไปให้ไกลที่สุด แน่นอนว่าถ้าเป็นเมื่อ 5 ปีก่อน Facebook ดูจะเป็นช่องทางที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด แต่ ณ วันนี้ เราเริ่มเห็นการที่แบรนด์ต่างประเทศกระจายเงินไปลงกับสื่อดั้งเดิมมากขึ้น เช่น โทรทัศน์ พอดแคสต์ วิทยุ ฯลฯ
MVMT บริษัทการตลาดต่างประเทศรายหนึ่งให้ข้อมูลว่า ปีนี้บริษัททำการตลาดผ่านสื่อดั้งเดิมถึง 50% โดยลงไปกับการส่ง e-mail พอดแคสต์ และสื่อวิทยุถึง 30% ส่วนอีก 20% ลงไปกับสื่อโทรทัศน์
นอกจากนั้น แบรนด์ต่างประเทศเหล่านี้ที่บอกว่าเริ่มหาช่องทางใหม่ในการทำตลาด ก็หันไปใช้ IG Stories กันมากขึ้น เพราะถ้าเทียบกันแล้วยอดการมองเห็นสูงกว่า Facebook แต่ทั้งนี้อย่าลืมว่า Instagram ก็เป็นบริษัทลูกของ Facebook นั่นเอง
ข้อมูล – Digiday
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา