ในวงการอสังหาริมทรัพย์ปีนี้ การจะขายแค่พื้นที่ หรือนวัตกรรมอาจไม่ใช่คำตอบแล้ว เพราะผู้ซื้อเริ่มต้องการสิ่งที่ดีขึ้น เพื่อตอบโจทย์ Lifestyle ที่เปลี่ยนไป และเรื่องนี้ผู้พัฒนาโครงการก็ทำคนเดียวค่อนข้างลำบาก
หา Partner ปั้น Branded Residence
เมื่อผู้ซื้อโหยหาสิ่งที่สามารถตอบโจทย์ Lifestyle ของแต่ละคนได้ ดังนั้นสิ่งที่ผู้พัฒนาโครงการทำก็อาจไม่พอ และทางออกในการตอบโจทย์เรื่องนี้ก็คือการหา Partner ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นบริษัทออกแบบมืออาชีพจากต่างประเทศ, แบรนด์แฟชั่น หรือแม้แต่แบรนด์สินค้าที่เมื่อนำมาตกแต่งในที่พักอาศัยก็จะช่วยสร้างความแตกต่างได้ทันที ซึ่งการทำแบบนี้ถูกนิยามไว้ว่าเป็น Branded Residence หรือการยกระดับที่พักอาศัยด้วยจุดเด่นของ Partner ที่มาร่วม ซึ่งก่อนหน้านี้จะถูกพบตามโรงแรมที่เปิดบริการ Residence เท่านั้น
อุทัย อุทัยแสงสุข รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานพัฒนาธุรกิจ และพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม บมจ.แสนสิริ มองว่า Branded Residence จะเริ่มเข้ามามีบทบาทกับอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ปีนี้มากขึ้น เพราะการ Collaboration หรือ Synergy กับคู่ค้าที่เป็นแบรนด์ หรือนักออกแบบระดับโลก ย่อมสร้างข้อได้เปรียบในการเป็นตัวเลือกของผู้ซื้อ โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีกำลังซื้อ เพราะพวกเขาไม่ได้มองแค่ขนาดห้อง แต่ต้องการพื้นที่ที่ตอบโจทย์ Lifestyle ได้ทั้งหมด
Experience Marketing ช่วยสื่อสารได้ดี
อย่างไรก็ตามกลุ่มโครงการ Branded Residence ค่อนข้างมีมูลค่าที่สูง เพราะไม่ได้ถูกพัฒนาแค่เจ้าของโครงการ ดังนั้นการสื่อสารด้วยวิธี Experience Marketing หรือการสร้างกิจกรรมต่างๆ เพื่อมอบประสบการณ์ให้กับผู้ที่สนใจ หรือยังไม่สนใจโครงการ สามารถรับรู้ถึงการเข้ามาอยู่อาศัยภายใน Branded Residence ซึ่งปีนี้ แสนสิริ ได้ทำตลาดคอนโดมิเนียม Khun by Yoo หรือ Branded Residence โครงการแรกของบริษัทมูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท โดยใช้งบการตลาด 3% ของมูลค่านี้ หรือราว 120 ล้านบาท เพื่อทำการตลาดในรูปแบบดังกล่าว
“Khun by Yoo แสนสิริร่วมกับกลุ่ม BTS และได้บริษัทออกแบบอสังหาริมทรัพย์ระดับโลกอย่าง Yoo และ Phillppe Starck มาช่วยทำให้โครงการนี้แตกต่างจากที่อื่น ดังนั้นการใช้ Experience Marketing เพื่อช่วยสื่อข้อมูลจึงเป็นเรื่องจำเป็น ไม่ว่าจะเป็นการจัดกิจกรรมปาร์ตี้เพื่อให้รับรู้ถึงการอยู่อาศัยภายในโครงการ และการให้ข้อมูลตามจุดต่างๆ ของพื้นที่คนรุ่นใหม่ เพราะการทำแบบนี้จะช่วยให้ Brand ใกล้ชิดกับผู้บริโภคมากขึ้นด้วย ดังนั้นเชื่อว่าภายในสิ้นปีนี้น่าจะจำหน่ายได้ทั้งหมด 80% ของโครงการ”
คนรุ่นใหม่มีกำลังซื้อ และกล้าลงทุนที่พักอาศัย
สำหรับโครงการ Khun by Yoo ตั้งอยู่บริเวณทองหล่อซอย 12 หรือช่วงกลางซอยทองหล่อ มีพื้นที่โครงการราว 1 ไร่ มีจำนวนยูนิตทั้งหมด 148 ยูนิต บนอาคาร 27 ชั้น สร้างเสร็จเดือนก.ค. 2563 ประกอบด้วยห้องแบบ 1 ห้องนอน, 2 ห้องนอน, 3 ห้องนอน และห้องแบบ Penthouse ราคาเริ่มต้น 15-160 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย/ตร.ม. ที่ 3.7 แสนบาท โดยหลังจากเริ่มทำตลาดเมื่อเดือนธ.ค. สามารถขายไปแล้วทั้งหมด 65% ของโครงการ ส่วนใหญ่ผู้ซื้ออายุราว 30 ปี เป็นผู้บริหาระดับสูง และเจ้าของกิจการ ที่สำคัญเป็นคนไทยทั้งหมด 99% ที่ซื้อ
ขณะเดียวกันด้วยจำนวนยูนิตทั้งหมดในซอยทองหล่อนั้นเหลือเพียง 400-500 ยูนิต ราคาเฉลี่ยสูงกว่า 3 แสนบาท/ตร.ม. ผ่าน 5 โครงการที่ทำตลาดอยู่ตอนนี้ ทำให้การแข่งขันในเส้นทองหล่อไม่สูงมาก และด้วยคุณภาพชีวิตของทองหล่อที่สามารถตอบโจทย์ทั้งเรื่องอยู่อาศัย และ Lifestyle ทำให้ไม่ได้มีแค่เด็กรุ่นใหม่เท่านั้นที่อยากมาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ แต่ยังมีกลุ่มชาวต่างชาติเช่นเดียวกัน ซึ่งหลังจากนี้บริษัทเตรียมเข้าไปทำตลาดในต่างประเทศ เช่น Roadshow ในประเทศญี่ปุ่นเป็นต้น
สรุป
ถ้าไปเปรียบเทียบกับโครงการในต่างประเทศ เช่นฮ่องกง ราคาคอนโดมิเนียมบริเวณชานเมืองที่นั่นก็เกือบ 6 แสนบาท/ตร.ม. ดังนั้นถ้าใครจะรีบลงทุน หรือซื้อไปพักอาศัยก็คงต้องรีบเก็บเงิน เพราะอนาคตคอนโดมิเนียมไทยน่าจะไปที่ราคานั้นได้ไม่ยาก และโครงการ Khun by Yoo ก็น่าจะจำหน่าย
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา