ค่านิยมของคนไทย คือ เลือกแว่นที่กรอบสวย กรอบแฟชั่น มีแบรนด์ ราคาแพงหน่อยไม่เป็นไร แต่ “เลนส์” กลับไม่ใช่จุดที่เน้นมากนัก ซึ่งแตกต่างจากคนต่างประเทศในยุโรปหรืออเมริกา ที่กรอบแว่นอาจมีราคาประมาณหนึ่ง แต่จะใช้เลนส์ที่ดีที่สุดที่สามารถจ่ายได้
เพราะเลนส์ นอกจากช่วยให้การมองเห็นดีขึ้น ยังช่วยปกป้องสายตา ซึ่งต้องไม่ลืมว่า สายตา คืออวัยวะช่วยให้เราสามารถมองเห็นได้
ทฤษฎี ตุลยอนุกิจ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสซีลอร์ ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่
สำหรับแว่นกันแดด ในต่างประเทศถือกันว่าเป็น Health & Protection คือใส่เพื่อสุขภาพและปกป้องดวงตา แต่ในประเทศไทยจะจำกัดอยู่ในกลุ่มแฟชั่นเป็นหลัก คนไทยมองว่าแว่นกันแดดเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็น เน้นเพื่อความเท่ แต่แท้จริงแล้ว แว่นกันแดด ยังเป็นเรื่องของการปกป้องดวงตาจากแสงอาทิตย์ จากรังสีต่างๆ ถือเป็นเรื่องที่คนไทยยังมีความเข้าใจน้อยมาก หลายครั้งซื้อแว่นตาราคาถูก ซึ่งใช้เลนส์ไม่ได้มาตรฐาน ไม่มีคุณภาพ ยิ่งมีอันตรายมากกว่าเดิม เพราะนอกจากทำให้ค่าสายตาเพี้ยนจากเลนส์แล้ว ยังไม่สามารถป้องกันรังสีใดๆ ได้เลย
“ปกติพอแสงสว่างมากๆ รูม่านตาจะปิดลง แต่พอใส่แว่นที่ไม่ได้มาตรฐาน เลนส์ไม่ช่วยป้องกัน ความมืดของเลนส์ทำให้รูม่านตาไม่ปิด นั่นทำให้รังสีต่างๆ เข้าถึงดวงตาได้โดยตรง ซึ่งในระยะยาวอันตรายมาก”
อีกตลาดหนึ่งคือ ตลาดแว่นสายตา นี่คือตลาดหลักเพราะมีความจำเป็นต้องใช้สำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องสายตาทุกรูปแบบ ซึ่งปัจจุบันเลนส์มีการพัฒนาไปมาก เลนส์เปลี่ยนสีที่ช่วยให้การใช้ชีวิตง่ายขึ้น ถนอมสายตามากขึ้น ทำให้คนใส่ดูดีขึ้น หรือแม้แต่ เลนส์สายตาแบบกันแดด ช่วยให้คนใส่แว่นสายตาสะดวกมากขึ้นด้วย
ทั้งนี้ แท้จริงแล้วทุกคนควรมีแว่นติดตัว ถ้าคนสายตาปกติ อาจมีแว่นกันแดดไว้สัก 1 อัน เพื่อช่วยปกป้องและป้องกันดวงตาจากสิ่งต่างๆ แต่ถ้าเอาให้เหมาะสมจริงๆ ทุกคนควรมีแว่นตามากกว่า 1 อันเพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น แว่นแฟชั่น แว่นกันแดด แว่นสำหรับเล่นกีฬา แว่นสายตา ซึ่งแต่ละชนิดก็จะมีเลนส์ และกรอบที่เหมาะสมกับแต่ละกิจกรรม
แต่หลายคนมักคิดว่า แว่นมีราคาสูง เป็นสิ่งไม่จำเป็น แต่เมื่อเทียบกับ ดวงตา ที่ใช้สำหรับมองเห็น ถือว่าแว่นตาราคาไม่ได้สูงเลย ปัจจุบันคนไทย 20% เท่านั้นที่มีแว่นมากกว่า 1 อัน ซึ่งถือว่าอัตราน้อยมาก
ทฤษฎี บอกว่า การลงทุนกับแว่นและเลนส์เป็นเรื่องที่คุ้มค่ามาก เช่น คนสูงอายุ ที่มีปัญหาสายตาทั้งสั้นและยาวในคนเดียว การใช้แว่นเลนส์ Progressive จะช่วยให้การใช้ชีวิตง่ายขึ้นเยอะมาก และยังเป็นการถนอมดวงตาด้วย ปัจจุบัน เลนส์สายตาปกติที่ได้มาตรฐาน ราคาเฉลี่ย 3,000-5,000 บาท ขณะที่เลนส์ Progressive ราคาเฉลี่ยตั้งแต่ 5,000 ขึ้นไปถึงหลักแสนบาท
สิ่งที่ได้จากเลนส์ที่ราคาสูง คือ เป็นการใส่แว่นเพื่อสุขภาพ ได้มุมมองที่ถูกต้อง กว้างขึ้น ภาพไม่เพี้ยน และตัดเลนส์มาเพื่อให้เหมาะสมกับคนคนนั้นโดยเฉพาะ แต่ไม่ได้หมายความว่าต้องใช้เลนส์ราคาเป็นแสน ขอเพียงให้ลงทุนกับเลนส์ที่มีคุณภาพที่สุด และในระดับราคาที่จ่ายได้ก็เพียงพอแล้ว
เป้าหมายของ เอสซีลอว์ (Essilor) คือ ต้องการสร้างความเข้าใจกับการเลือกใช้แว่นตาและเลนส์ให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม ทำให้คนมีโอกาสมองเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้น มีสายตาที่ดีขึ้น ซึ่งถือว่าไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เชื่อว่าตลาดจะตอบรับมากขึ้น
หลายคนอาจไม่รู้ว่า เอสซีลอว์ เป็นผู้นำอันดับ 1 ในฝั่งของเลนส์สายตา และยังเป็นผู้ผลิตเลนส์ในอุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น กล้องถ่ายรูป กล้องโทรทัศน์ ถ้าย้อนกลับไป เอสซีลอว์ เป็นบริษัทจากฝรั่งเศส อยู่ในธุรกิจแว่นตามากกว่า 170 ปี และเป็นผู้ค้นคว้าเลนส์ Progressive ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน
ไม่กี่ปีก่อนหน้านี้ เอสซีลอว์ ได้ควบรวมกิจการกับ Luxottica เจ้าของแบรนด์แว่นตาสารพัดแบรนด์ที่รู้จักกันดี เช่น Ray-Ban, Oakley, Chanel และอีกมากมาย
นั่นทำให้ King of Lens และ King of Glasses มารวมตัวกัน แต่ในแง่ของการทำตลาดยังคงแข่งขันกันในแต่ละแบรนด์อยู่เช่นเดิม และจุดนี้เองที่ เอสซีลอว์ มองเห็นว่า การจะทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงแว่นตาได้มากขึ้น คือต้องผลิตแบรนด์ใหม่ที่คุณภาพดีแต่ทุกคนเข้าถึงได้ (Premium Mass) ระดับราคา 3,000-5,000 บาท จึงเกิดเป็น BOLON ขึ้น
เพราะปกติ ถ้าอยากได้กรอบแว่นสายตาคุณภาพดีมีแบรนด์ ราคาต้องระดับ 7,000 ขึ้นไป เมื่อรวมเลนส์แล้ว ราคาอาจสูงเกินไปสำหรับผู้บริโภคทั่วไป
ทฤษฎี เล่าว่า จุดเริ่มต้นของ BOLON เป็นแบรนด์ที่ไม่มีใครรู้จัก เมื่อ 3 ปีที่แล้วเริ่มขายในยุโรป อิตาลี จุดเด่นคือ การออกแบบที่สวยาม มีเอกลักษณ์และนำ้หนักเบา มีการใช้ แบรนด์ แอมบาสเดอร์ เพื่อให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น ซึ่งเมื่อมาประเทศไทย BOLON เลือกใช้แบรนด์แอมบาสเดอร์คนแรกคือ ใหม่ ดาวิกา
“เรื่องนี้แหวกแนวการทำตลาดแว่นตา ที่ปกติแว่นมีแบรนด์จะใช้แบรนด์แอมบาสเดอร์ต่างประเทศคนเดียวทั่วโลก แต่ BOLON เลือกใช้คนไทยเพื่อให้รู้สึกใกล้ชิด หลังจากใช้ ใหม่ ดาวิกา มา 3 ปี ปีนี้จึงเปลี่ยนมาใช้ ญาญ่า อุรัสยา เพื่อรีแฟรชแบรนด์ใหม่อีกครั้ง”
ปัจจุบันมีร้านแว่นตาที่จำหน่าย BOLON ประมาณ 700 แห่ง จากร้านแว่นทั้งหมดทั่วประเทศกว่า 5,000 แห่ง ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ซึ่งเป้าหมายในทางธุรกิจ BOLON ต้องการขึ้นเป็นแว่นตาอันดับ 1 ในประเทศไทย ภายในอีก 3 ปี
ส่วนวิธีที่ทำให้คนเลือกใช้ BOLON นอกจากการใช้แบรนด์แอมบาสเดอร์ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือแล้ว มีการออกแบบดีไซน์ให้เหมาะกับสรีระและใบหน้าคนเอเชีย หน้าร้านต่างๆ มีสินค้าให้ลองครบทุกคอลเลคชั่น ให้คำแนะนำที่ดี และทั้งหมดอยู่ในระดับราคา 4,000 บาท
อีกสิ่งที่โดดเด่นของ BOLON คือ การที่เป็นแว่นตาของ เอสซีลอว์ ซึ่งเน้นเรื่องนวัตกรรมของเลนส์ เช่น Eyezen เป็นเลนส์ชั้นเดียว สำหรับคนสายตาสั้น ลดภาพบิดเบือน ช่วยให้การมองใกล้และมองไกลดียิ่งขึ้น ลดอาการล้าของดวงตาจากการจ้องหน้าจอดิจิทัลเป็นเวลานาน รวมถึงตัดแสงสีฟ้าที่เป็นอันตรายต่อดวงตาด้วย หรือเลนส์ VARILUX เป็นเลนส์ Progressive ที่ปรับโฟกัสได้ทั้งระยะใกล้ กลาง และไกล สะดวกและสบายตายิ่งขึ้น
นอกจากนี้ หากผู้บริโภคไปใช้บริการตัดแว่นสายตา BOLON แล้วมีปัญหาใส่ไม่ได้ หรือเลนส์ผิดตำแหน่ง เอสซีลอว์ รับแก้ปัญหาให้ภายใน 60 วันนับจากวันที่ซื้อ
ทฤษฎี บอกว่า สุดท้ายแล้วแทบทุกคนต้องใส่แว่น ไม่แว่นกันแดด ก็ต้องแว่นสายตา BOLON จะเป็นแว่นตาแบรนด์ที่ราคาเข้าถึงได้ เลนส์มีคุณภาพ และอยากย้ำว่าสำหรับคนไทยว่า นอกจากการเลือกกรอบแฟชั่นสวยงาม ต้องใส่ใจเลนส์ที่ช่วยให้มองเห็นชัดเจน ปกป้องด้วยตา ซึ่งสำคัญมากเช่นกัน
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา