หัวหน้าฝ่ายฟินเทคของธนาคารญี่ปุ่น มองว่า ยังไม่ถึงเวลาที่ญี่ปุ่นจะต้องทำสกุลเงินดิจิทัลเป็นของตัวเอง เพราะคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ยังนิยมใช้เงินสดกันอยู่ ตอนนี้เร่งผลักดันให้เลิกใช้เงินสดกันก่อนดีกว่า
Cashless ยังไม่ไปไหน แล้วทำไมจะต้องออก “สกุลเงินดิจิทัล”
Yuko Kawai หัวหน้าฝ่ายฟินเทคของธนาคารกลางญี่ปุ่น กล่าวในระหว่างการให้สัมภาษณ์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาถึงประเด็นเรื่องสกุลเงินดิจิทัลว่า “เรา [ญี่ปุ่น] ไม่ได้อยู่ในขั้นของการจะมาคิดว่าควรจะออกสกุลเงินดิจิทัลเป็นของตัวเองหรือไม่ เพราะว่ายังไม่มีความต้องการมากขนาดนั้น” พร้อมทั้งบอกว่า “แล้วถามจริงๆ เถอะว่า ญี่ปุ่นจำเป็นที่จะต้องออกสกุลเงินดิจิทัลเป็นของตัวเอง ในขณะที่การใช้จ่ายแบบไร้เงินสด (Cashless) ยังไม่ไปไหนอย่างนั้นน่ะหรือ”
จากประสบการณ์ของเธอ เธอบอกว่าหลังจากทดลองใช้การจ่ายเงินแบบไร้เงินสดในญี่ปุ่น ยอมรับว่ามีความสะดวกในหลายด้าน แต่ในขณะเดียวกันมีหลายสถานการณ์ที่จำเป็นต้องจ่ายเงินสด เช่น จ่ายเงินค่าแท็กซี่ในเขตนอกเมือง ยังต้องจ่ายเป็นเงินสดเท่านั้น
- เธอให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า “ญี่ปุ่นยังเป็นประเทศที่สะดวกใจในการใช้เงินสด” ในปี 2016 ที่ผ่านมา การใช้เงินสดของคนญี่ปุ่นคิดเป็น 20% ของทั้งประเทศ ถือว่าอยู่ในระดับที่สูง เพราะถ้าเทียบกับประเทศที่ใช้เงินสดน้อยที่สุดในโลกอย่างสวีเดน มีสัดส่วนเพียง 1.4% เท่านั้น
- ส่วนสถิติในปี 2015 ของ Japan Credit Association ระบุว่า การใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต-เดบิตในญี่ปุ่นมีสัดส่วนต่ำกว่า 20% สะท้อนว่าเงินสดยังได้รับความนิยมอย่างดีอยู่
นอกจากนั้น เธอให้ความเห็นว่า “อุปสรรคสำคัญของคนญี่ปุ่น คือความไม่สะดวกใจในการโหลดแอพพลิเคชั่น [ที่เกี่ยวกับการเงิน] ทำให้เงินสดยังคงเป็นที่ต้องการในประเทศสูง” แต่แนวโน้มเริ่มเปลี่ยน ถ้าดูพฤติกรรมของคนรุ่นใหม่ในญี่ปุ่น เธอบอกว่า “คนรุ่นใหม่ส่วนใหญ่จะเคยชินกับการใช้จ่ายแบบไร้เงินสดมากกว่า เช่นใช้ผ่าน Line Pay หรือ Amazon gift cards”
ยังไม่ถึงเวลาของการออก สกุลเงินดิจิทัล เป็นของตัวเอง
แม้ว่าจะญี่ปุ่นจะเป็นประเทศที่เปิดกว้างต่อสกุลเงินดิจิทัล ดูได้จากหลายวงการที่นำไปใช้ เช่น การจ่ายเงินเดือนพนักงาน หรือวงการค้าปลีก แต่ถ้าถามว่า ญี่ปุ่นพร้อมที่จะออกสกุลเงินดิจิทัลเป็นของตัวเองแล้วหรือไม่ คำตอบจากธนาคารกลางญี่ปุ่นค่อนข้างชัดเจนคือ ยังไม่พร้อม
แต่ความเห็นของ Kawai หัวหน้าฝ่ายฟินเทคของธนาคารกลางญี่ปุ่นก็ส่งความเป็นห่วงถึงอนาคตไว้ด้วยว่า หากญี่ปุ่นปรับตัวตามไม่ทันอาจส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจ “ถ้าญี่ปุ่นยังรักษาสถานะเดิมเอาไว้แบบนี้ ต่อไปการใช้จ่ายของผู้บริโภคชาวต่างชาติอาจลดน้อยถอยลง”
อย่างไรก็ตาม ไม่นานมานี้ญี่ปุ่นเพิ่งประสบปัญหาการขโมยเงินดิจิทัลบนเว็บ Coindesk มูลค่ากว่า 500 ล้านดอลลาร์ โดยหลังจากเกิดเหตุการณ์รัฐบาลญี่ปุ่นได้ออกมาประกาศชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมดแล้ว เหตุการณ์นี้ทำเอาทั้งภาครัฐและภาคเอกชนตื่นตัวเป็นอย่างมากกับการกำกับดูแลเรื่องสกุลเงินดิจิทัล
อ้างอิง – Japantimes
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา