กลายเป็นการเดินหน้ารุกตลาดรถยนต์ไฟฟ้าอีกขั้นสำหรับ BMW เพราะล่าสุดเตรียมปิดปรับปรุงโรงงานที่มิวนิกในช่วงฤดูร้อนปีนี้เป็นเวลา 6 สัปดาห์ เพื่อปรับปรุงไลน์ผลิตให้รองรับรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ
จากผลิตโรงงานเดียวกัน เป็นแยกผลิต
ปัจจุบันยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตรถยนต์ระดับโลกเริ่มแยกไลน์การผลิตรถยนต์เครื่องสันดาปภายในกับรถยนต์ไฟฟ้า เช่นกลุ่ม Volkswagen แต่นั่นไม่ใช่กับ BMW ที่ยังใช้ไลน์ผลิตเดียวกันในโรงงานต่างๆ เพื่อผลิตรถยนต์เครื่องสันดาปภายใน, รถยนต์ไฟฟ้าล้วน และรถยนต์ไฟฟ้า Plug-in Hybrid
จุดนี้เองอาจทำให้ BMW ค่อนข้างช้าในเรื่องรถยนต์ไฟฟ้าล้วนก็เป็นได้ แม้จะเปิดตัวมาก่อนหน้าค่ายอื่นด้วยรุ่น i3 แต่มันก็ไม่ประสบความสำเร็จนัก ดังนั้น BMW จึงเริ่มคิดใหม่ทำใหม่ และอย่างแรกที่ทำก็คือการปิดโรงงานผลิตที่มิวนิกเป็นเวลา 6 สัปดาห์ในช่วงฤดูร้อน เพื่อตั้งค่าเครื่องจักร และปรับปรุงไลน์ผลิตให้รองรับรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ
สำหรับไลน์ผลิตใหม่นี้คาดว่าจะทำเพื่อผลิตรถยนต์ไฟฟ้าล้วนรุ่น i4 ในปี 2564 เป็นรุ่นแรก เพราะปัจจุบันรถยนต์รุ่นนี้มีการเปิดตัวรุ่นต้นแบบในชื่อ iNext ที่วิ่งได้ 600 กม. หลังชาร์จเต็ม ผ่านแบตเตอรี่ความจุ 80 กิโลวัตต์ชั่วโมง และวิ่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 4 วินาที กับรูปทรง Sport Sedan
Klaus Froehlich หัวหน้าแผนกวิจัย และพัฒนาของ BMW เล่าให้ฟังว่า การเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้ามาจากการเข้มงวดเรื่องมลพิษจากประเทศต่างๆ แต่ไม่ใช่ทุกประเทศจะต้องการรถยนต์ไฟฟ้าล้วน หรือ Battery Electric Vehicle (BEV) เพราะบางพื้นที่รถยนต์ไฟฟ้าแบบอื่นก็ยังตอบโจทย์กว่า
ทั้งนี้ BMW ไม่ได้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าล้วนที่โรงงานในมิวนิกที่เดียว เพราะปัจจุบันรุ่น iX3 รถยนต์ไฟฟ้าล้วนทรง SUV ก็ผลิตที่ประเทศจีน เพื่อเตรียมทำตลาดในสิ้นปีนี้ และมีโรงงานใกล้ๆ มิวนิกที่พร้อมผลิตชิ้นส่วนต่างๆ ของรถยนต์ไฟฟ้า เช่นมอเตอร์ไฟฟ้าเช่นกัน
สรุป
การปรับเปลี่ยนไลน์ผลิตของ BMW ครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความจริงจังมากขึ้นในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า เพราะการจะใช้ไลน์ผลิตเดียวกันทั้งหมดเพื่อผลิตรถยนต์แบบดั้งเดิม และรถยนต์ไฟฟ้าก็คงจะยากในการบริหารจัดการ ยิ่งตอนนี้ความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว มันก็ยิ่งต้องมีการเปลี่ยนแปลง
อ้างอิง // Electrek
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา