ตั้งแต่เริ่มต้นธุรกิจในชื่อ BMW ตัวตราสินค้า หรือโลโก้ ของ BMW ก็มีพื้นฐานอยู่บนขอบวงกลมสีดำ ด้านในมีตัวอักษร BMW และวงกลมสีฟ้า-ขาว คล้ายกับใบพัดเครื่องบิน แต่ล่าสุดโลโก้นี้ได้ถูกเปลี่ยนไปแล้ว
โลโก้ใหม่ที่เน้นความโปร่งใส
สำหรับโลโก้ใหม่ของ BMW แสดงให้เห็นครั้งแรกใน i4 รถยนต์รุ่นต้นแบบที่ดีไซน์ล้ำสมัย และมาพร้อมกับความเป็นรถยนต์ไฟฟ้า โดยจุดต่างจากโลโก้เดิมที่เห็นได้ชัดคือ ขอบสีดำด้านนอกที่หายไป รวมถึงความแบนของโลโก้ที่มีมากกว่าเดิม เพราะโลโก้ตัวก่อนหน้านี้จะมีความนูน หรือ 3 มิติอย่างชัดเจน
Jens Thiemer ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายลูกค้า และแบรนด์ของ BMW อธิบายว่า BMW กำลังกลายเป็นแบรนด์ที่มีความสัมพันธ์มากกว่าเดิม เพราะขอบสีดำได้ถูกแทนที่ ทำให้โลโก้ใหม่มีความโปร่งใส และชัดเจนในสิ่งที่ต้องการจะสื่อไปถึงผู้บริโภค และพาร์ทเนอร์
“เราต้องการใช้โลโก้ใหม่นี้เพื่อสื่อให้เห็นถึงความโปร่งใสไปยังลูกค้า นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงโลโกยังติดอาวุธการไปสู่โลกดิจิทัลที่สุดแสนท้าทายของแบรนด์ด้วย เพราะมันสร้างอิสระในการทำตลาดให้เราได้มากมาย ดังนั้นโลโก้ใหม่นี้จะช่วยให้ BMW แข็งแกร่งในโลกยานพาหนะ และพร้อมเป็นผู้ขับเคลื่อนความสุขเช่นกัน”
ทั้งนี้หลายคนอาจคิดว่าโลโก้ของ BMW บริเวณสีฟ้าขาวนั้นมีที่มาจากใบพัด แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่อย่างนั้น เพราะสีขาว-ฟ้าเป็นสีประจำแคว้นบาวาเรีย BMW จึงใช้สีนั้น แต่ด้วยกฎหมายเมื่อหลายสิบปีก่อนระบุว่าห้ามใช้สีประจำแคว้นมาเป็นตราสินค้า ทำให้ BMW นำมาเรียงสลับกันไป 4 รอบเพื่อเลี่ยงข้อกฎหมายดังกล่าว
อย่างไรก็ตามในช่วงเริ่มต้นของการทำธุรกิจนั้น BMW เน้นทำตลาดเครื่องยนต์สำหรับเครื่องบิน และมีการโฆษณาโดยนำชื่อ BMW ไปอยู่บนใบพัด ทำให้หลายคนเข้าใจว่าที่มาของโลโก้มาจากใบพัดเครื่องบิน โดยตัว BMW มีการเปลี่ยนโลโก้มาแล้ว 6 ครั้ง 3 ครั้งแรกเป็นโลโก้เพื่อจดทะเบียนบริษัทส่วน 3 ครั้งหลังเป็นโลโก้ในการทำตลาด
สรุป
การเปลี่ยนโลโก้เป็นเรื่องใหญ่ของแต่ละแบรนด์ ยิ่ง BMW ที่มีประวัติมากว่า 100 ปี และใช้โลโก้ใกล้เคียงเดิมมาโดยตลอด ทำให้น่าสนใจว่าการเปลี่ยนแปลงโลโก้จะสร้างผลกระทบให้กับ BMW มากขนาดไหน และผู้บริโภคจะมองว่ามันดี หรือไม่ดีอย่างไร
อ้างอิง // BMW
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา