ปัจจุบันรถยนต์ไฟฟ้ากลายเป็นกลยุทธ์ที่ค่ายผู้ผลิตรถยนต์ต้องเดินหน้า และทาง BMW ก็เร่งเครื่องเรื่องนี้เต็มที่ภายใต้แนวคิด E-Mobility เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมรถยนต์ขึ้นไปอีกขั้น
Plug-in Hybrid ยังต้องให้ความสำคัญ
ปกติแล้วกลยุทธ์เดินหน้ารถยนต์ไฟฟ้าของผู้ผลิตรถยนต์ค่ายอื่นจะเน้นไปที่รถยนต์ไฟฟ้าล้วน หรือ Battery Electric Vehicle (BEV) แต่ทาง BMW กลับไม่มองอย่างนั้น เพราะยังให้ความสำคัญกับตัว Plug-in Hybrid ด้วย ผ่านความต้องการตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ต้องการความหลากหลายในการใช้งานของรถยนต์ที่มีส่วนขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า
Harald Krüger ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ BMW เล่าให้ฟังว่า การเดินหน้า E-Mobility นั้น BMW จะทำไปพร้อมกันทั่วโลก แต่เป็นการทยอยทำตามความพร้อมของแต่ละตลาด ทั้งการเพิ่มรุ่นรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยระบบ Plug-in Hybrid ได้ นอกจากนี้ในแผนของ E-Mobility ยังมีเรื่องพัฒนาเครื่องยนต์สันดาปภายในให้ดียิ่งขึ้นด้วย
“ถึง BMW จะให้ความสำคัญกับรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่าเดิม แต่เราก็ไม่ลืมที่จะพัฒนาเครื่องยนต์สันดาปภายในให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ทั้งในแง่การขับขี่ และลดมลพิษ เพราะ BMW เชื่อว่าเครื่องยนต์สันดาปภายในมันยังดีได้มากกว่านี้ ส่วนในฝั่งรถยนต์ไฟฟ้าเอง เราก็ศึกษารถยนต์ไฟฟ้าเทคโนโลยีอื่นเช่น Fuel-Cell เพื่อมาประยุกต์ใช้เช่นกัน”
ทั้งนี้จากกลยุทธ์ดังกล่าวนั้น BMW ก็เตรียมเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าล้วนไม่ว่าจะเป็น iX3 รถยนต์ไฟฟ้าแบบ SUV ในปี 2563 และ i4 รถยนต์ไฟฟ้าแบบ Sedan กับ iNEXT รถยนต์ไฟฟ้าแบบ Crossover ในปี 2564 ด้วย หลังจากรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นล่าสุดที่เคยทำตลาดต้องย้อนไปเมื่อปี 2556 กับรุ่น i3
สรุป
สำหรับ BMW นั้น การทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าอาจยังไม่ได้เห็นเป็นรูปเป็นร่างเหมือนกับแบรนด์อื่น แต่เชื่อว่าการรุกตลาดรถยนต์ไฟฟ้าครั้งนี้ ประกอบกับการเตรียมปล่อย MINI ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วนภายในปลายปี 2562 ก็น่าจะทำให้ภาพลักษณ์ด้านรถยนต์ไฟฟ้าของ BMW ดีขึ้นไม่มากก็น้อย
อ้างอิง // Electrek
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา