กระแสรถยนต์ไฟฟ้ามาจริง! BMW ร่วมกับ ChargeNow บุกส่งที่ชาร์จไฟรถทั่วไทยในปีนี้

BMW แถลงข่าวว่า ต่อจากนี้ไปรถซีรีส์ 5 รุ่น 520d Sport จะประกอบในไทย แต่ในงานเดียวกัน BMW ดูจะให้ความสำคัญเรื่องการจับมือกับ ChargeNow มากกว่า โดยจะส่งที่ชาร์จไฟรถมาตั้งทั่วไทย แต่จริงๆ ก็ไม่น่าแปลกใจอะไร เพราะปีที่ผ่านไทยมียอดขายรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นกว่า 400%

เปิดตัวรุ่น 520d Sport ประกอบในไทยทั้งหมด พร้อมจุดเด่นที่บริการหลังการขาย

ในงานแถลงข่าวของ BMW วันนี้ สเตฟาน ทอยเชอร์ต ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ระบุว่า “ต่อจากนี้ไป BMW รุ่น 520d Sport จะประกอบเองในโรงงานไทยทั้งหมด นั่นคือที่โรงงานในจังหวัดระยอง ทำให้คนไทยสามารถเข้าถึงรถยนต์รุ่นนี้ได้ดีมากขึ้น”

สเตฟาน ทอยเชอร์ต ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย

ต้องยอมรับว่า จุดเด่นของ BMW คือ “บริการหลังการขาย” โดยรอบนี้ส่งมาให้เลือกกันถึง 4 แบบดังนี้

ส่วนราคาของรุ่น 520d Sport เมื่อรวมราคาแพ็คเก็จของบริการหลังการขาย จะเริ่มต้นอยู่ที่ 3,439,000 บาท (อย่างไรก็ตาม รถยนต์ BMW รุ่นนี้ ได้เปิดตัวมาก่อนหน้านี้แล้ว สำหรับรายละเอียดรถยนต์เพิ่มเติม โปรดอ่านข้อมูลด้านล่างท้ายข่าว)

ครึ่งปีแรกผ่านไปแบบดีเยี่ยม เรียกว่าดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของ BMW เลยก็ได้

สำหรับผลประกอบการในครึ่งปีแรกของ BMW เนื่องจากยอดขายครึ่งปีแรกปิดที่ 1.2 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 5% ถ้าเทียบกับปีก่อนหน้า ส่วนเดือนมิถุนายนที่ผ่านมานี้ ประธาน BMW กรุ๊ป บอกว่า “เป็นเดือนที่ทำยอดขายดีมาก เราอาจเรียกได้ว่านี่เป็นครึ่งปีที่ทำยอดขายได้ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของ BMW เลยก็ว่าได้”

ทีนี้ ไปดูกันที่ยอดรถยนต์ไฟฟ้า BMW บอกว่า ประเทศไทยถือได้ว่าเป็นตลาดอันดับ 2 ของ BMW จากทั้งโลก เพราะมียอดการเติบโตของตลาดนี้สูงมาก ตัวเลขชัดๆ คือ 427% หรือคิดเป็นยอดขายต่อคันคือ 611 คัน

จับมือกับ ChargeNow พาร์ทเนอร์มีทั้งธุรกิจที่อยู่อาศัย-ห้างสรรพสินค้า ขยายฐานที่ชาร์จไฟรถ

ในงานแถลงข่าววันนี้ อย่างที่บอกว่า BMW ดูจะให้ความสนใจในการจับมือกับ ChargeNow และพาร์ทเนอร์มากกว่าที่จะพูดถึงรถยนต์ซีรีส์ 5 ที่จะประกอบเองในไทยเสียอีก

การจับมือครั้งนี้เป็นการจับมือของ BMW กับ ChargeNow และพาร์ทเนอร์คือ GLT, AP และ Central Group

ด้วยการมองเห็นว่าตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทยโตขึ้นมาก ทำให้ BMW ต้องร่วมมือกับ ChargeNow ที่ทำสถานีชาร์จแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์อยู่แล้วทั่วโลกกว่า 27 ประเทศ คิดเป็นสถานีอยู่ที่ประมาณ 65,000 แห่ง เพราะฉะนั้นการลุยติดตั้งในไทยครั้งนี้จึงถือว่าเป็นมืออาชีพมาทำเอง

สถานีชาร์จแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์

“แต่ BMW ก็รู้ดีว่า เราทำเองลำพังไม่ได้ ก่อนหน้านี้ที่ส่งสถานีชาร์จมาเหมือนกัน แต่รอบนี้การจับมือกับพาร์ทเนอร์ที่มีประสบการณ์และหลากหลายจะทำให้เกิดการใช้งานที่กว้างขวางมากขึ้น แล้วที่สำคัญไม่ใช่เพยงแค่รถยนต์ไฟฟ้าของ BMW เท่านั้นที่จะใช้งานได้ แต่จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าจากค่ายก็ใช้งานได้”

การได้ AP และ Central Group มาจับมือด้วย ทำให้การขยายฐานบริการให้เข้าสู่บริโภคในวงกว้างถือเป็นเรื่องที่เป็นไปได้สูง เพราะตอบโจทย์ทั้งที่พักอาศัยและห้างสรรพสินค้าที่กลุ่มผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าคุ้นชินอยู่แล้ว ส่วนในปีนี้มีแผนจะส่งสถานีชาร์จไปทั่วประเทศกว่า 50 แห่ง เบื้องต้นมีการลงเงินไปกว่า 20 ล้านบาทในเฟสแรกจากตัวของ BMW และ ChargeNow ส่วนพาร์ทเนอร์อย่าง AP และ Central Group บอกว่ายังไม่ได้ลงเงินในส่วนนี้ ขอศึกษาตลาดมากกว่านี้ก่อน แต่ตกลงเงื่อนไขเพียงแค่เป็นพาร์ทเนอร์ร่วมเท่านั้น

สำหรับค่าบริการยังบอกเป็นตัวเลขไม่ได้ เพราะมีปัจจัยหลายอย่าง เช่น การดีลกับการไฟฟ้า แต่สำหรับโมเดลคิดค่าบริการจะใช้แบบสิงคโปร์คือ “คิดค่าบริการตามระยะเวลา” คือคิดราคาตามการใช้งานจริงเป็นนาทีหรือเป็นชั่วโมง ส่วนเรื่องหัวจ่ายไฟจากสถานีชาร์จ Brand Inside ได้สัมภาษณ์นอกรอบกับหนึ่งในทีมงาน ระบุว่า หัวจ่ายไฟให้กับรถยนต์ไฟฟ้าในตลาดมีอยู่ไม่กี่แบบ แม้จะต่างรุ่นกัน แต่ก็ได้เตรียมพร้อมไว้แล้วให้ใช้งานร่วมกันได้อย่างแน่นอน ไม่ว่ารถยนต์ไฟฟ้าคันนั้นจะมาจากค่ายไหนก็ตาม

สรุป

“อนาคตของพลังงานไม่ใช่ฟอสซิล” เป็นคำพูดของ BMW ในงานแถลงข่าววันนี้ ต้องยอมรับกันจริงๆ ว่า กระแสรถยนต์ไฟฟ้ามาแน่ เพราะถึงขนาด BMW ที่เปิดแถลงข่าวรถยนต์ซีรีส์ 5 ที่จะมาประกอบเองในไทย ยังต้องพ่วงข่าว MOU ขยายสถานีชาร์จแบตเตอรี่เข้ามาเป็นส่วนสำคัญในงาน หลังจากนี้เราคงต้องจับตามองตลาดรถยนต์ไฟฟ้ากันให้ดีๆ เพราะหลายค่ายจะทยอยมาแข่งขันกันอย่างต่อเนื่องแน่นอน

__________________________
ข้อมูลรถยนต์ BMW รุ่น 520d Sport : บีเอ็มดับเบิลยู 520d Sport สะท้อนให้เห็นความสง่างามที่เป็นตัวตนของบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 โดยมาพร้อมล้ออัลลอยน้ำหนักเบาขนาด 18 นิ้วแบบ double-spoke ที่ส่งให้ BMW Individual high-gloss Shadow Line อวดโฉมเส้นสายที่ยกระดับความโฉบเฉี่ยวไปอีกขั้น ในขณะที่ไฟหน้า follow-me-home และไฟ welcome lighting ให้ผู้ขับขี่สัมผัสได้ถึงความใส่ใจและบุคลิกภาพของรถยนต์ ตั้งแต่เริ่มจนจบการเดินทาง

ภายในของรถยนต์ซีดานรุ่นนี้มาพร้อมกับห้องโดยสารที่เอื้อต่อผู้ขับขี่และการตกแต่งด้วย fine-wood trim ในสี poplar grain grey พร้อมด้วย highlight trim finisher สีโครเมียมมุก ที่เข้าคู่อย่างสมมบูรณ์แบบกับพวงมาลัยและเบาะหนัง ในขณะที่ระบบ Gesture Control ที่เปิดตัวไปพร้อมกับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 7 ก่อนหน้านี้ ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา คู่กับหน้าจอ แสดงผลแบบสัมผัสขนาด 10.25 นิ้ว ที่ช่วยให้การควบคุมระบบความบันเทิงและฟังกชั่นโทรศัพท์แบบมาตรฐานเป็นไปอย่างง่ายดายและชาญฉลาด

บีเอ็มดับเบิลยู 520d Sport เปี่ยมสมรรถนะด้วยเครื่องยนต์ดีเซล บีเอ็มดับเบิลยู ทวินพาวเวอร์ เทอร์โบ 4 สูบขนาด 2.0 ลิตร ส่งกำลังสูงสุดที่ 140 กิโลวัตต์/190 แรงม้า พร้อมแรงบิด 400 นิวตันเมตร สามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลา 7.5 วินาที เร่งความเร็วสูงสุดได้ถึง 235 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง มาคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Steptronic 8 สปีด มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่ 20 กิโลเมตรต่อลิตร และมีอัตราการปล่อย CO2 เพียง 132 กรัมต่อกิโลเมตร

 

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา