ตามดูตลาดหูฟังบลูทูธ Plantronics – Jabra แข่งดุ กับคำถามว่า ทำไมคนไทยต้องซื้อหูฟังใหม่

หูฟังบลูทูธ กลายเป็นตลาดอุปกรณ์ต่อพ่วงที่น่าสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ ถือเป็นออปชั่นเสริมที่คนไทยเริ่มเลือกซื้อมาใช้งาน แต่ยังเป็นเพียงจุดเริ่มต้น เพราะคนไทยส่วนใหญ่ยังใช้หูฟังที่แถมมากับสมาร์ทโฟนมากกว่า หรือซื้อแบบมีสาย ราคาถูก หลักร้อยกว่าบาท

คำถามจึงเกิดขึ้นว่าแล้วทำไมเราต้องซื้อหูฟังใหม่ในราคาหลายพันบาทด้วย

เริ่มจากตลาดองค์กร หูฟังต้องทำงานกับ Software ได้ดี

นิสา มังกรทอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิสเท็ม 2000 จำกัด ตัวแทนจำหน่ายหูฟัง Plantronics ในประเทศไทย บอกว่า ตลาดหูฟังเดิมเริ่มต้นจากตลาดองค์กร องค์กรต่างๆ จะใช้ในงานด้าน Contact Center เพื่อติดต่อกับลูกค้า โดยมีผู้เล่นหลักในตลาดคือ Plantronics ซึ่งเป็นผู้นำตลาด และ Jabra เป็นคู่แข่ง ซึ่งประเด็นสำคัญคือ หูฟังต้องสามารถทำงานร่วมกับระบบโทรศัพท์ขององค์กรได้ เช่น AVAYA, NEC, Alcatel และSiemens เป็นต้น

แต่ปัจจุบันระบบโทรศัพท์เปลี่ยนมาเป็นแบบ Software คือเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ เพื่อทำให้การใช้งานสะดวกขึ้น และมีผู้ให้บริการระบบที่มาแรง ตีตลาดได้อย่างดีคือ Cisco และ Microsoft โดย องค์กรใดที่ติดตั้งเครือข่ายของ Cisco ก็สามารถใช้ระบบโทรศัพท์ได้เลย หรือ องค์กรที่ใช้ระบบปฏิบัติการคอมพ์ของ Microsoft ก็ใช้งาน Skype ได้เลย

จุดที่ยากของหูฟังคือ ต้องสามารถทำงานร่วมกับ Software โทรศัพท์ได้ทันที และมีเสถียรภาพ เมื่อ Software มีการอัพเดท หูฟังต้องอัพเดทตามให้สามารถทำงานร่วมกันได้ ซึ่ง Plantronics สามารถทำได้ดี และเป็นผู้นำตลาด

ต่อยอดสู่ตลาดทั่วไป ผสมกันอย่างแยกไม่ออก

นิสา บอกต่อว่า ปัจจุบันตลาดหูฟังองค์กรและตลาดผู้ใช้ทั่วไป เริ่มผสมกันอย่างแยกไม่ออก เพราะผู้ใช้ ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนหูฟังหลายอัน แต่หูฟังอันเดียวสามารถใช้ได้ทั้งเรื่องงาน และไลฟ์สไตล์ประจำวัน ดังนั้น หูฟังบลูทูธ จึงได้รับความนิยมมากขึ้น จะใช้ทำงาน ใช้ติดต่อสื่อสาร ใช้ฟังเพลง ใช้ออกกำลังกาย ตัวเดียวแบบไร้สายสะดวกกว่า แต่ Plantronics ก็จัดสินค้าออกมาตามความเหมาะสมของการใช้งาน

เช่น BackBeat PRO 2 ที่เน้นทั้งการทำงานและเรื่องไลฟ์สไตล์, BackBeat Sense ที่เน้นเรื่องการฟังเพลง หรือ BackBeat Fit เน้นเรื่องการออกกำลังกาย เป็นต้น และยังมีอีกหลายรุ่น ซึ่งมีราคาตั้งแต่พันกว่าบาทถึงหมื่นบาทต้นๆ

ส่วนการจำหน่าย Plantronics มียอดขายหน้าร้าน (offline) มากกว่า online ซึ่ง Plantronics ต้องการให้ผู้ใช้ได้ทดลอง ได้สัมผัสคุณภาพที่แตกต่าง ถ้าซื้อจากร้าน offline ในราคาเต็ม จะเพิ่มเวลารับประกันสินค้าจาก 1 ปีเป็น 2 ปี เพื่อรักษายอดขายหน้าร้าน รักษาพันธมิตรร้านค้า ส่วนช่องทาง online จะเน้นเพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงได้ง่าย หรือต้องการความสะดวกมากกว่า (ถ้าซื้อราคาเต็ม ก็รับประกันเพิ่มเป็น 2 ปีเหมือนกัน)

Jabra ลุยตลาดหูฟังกีฬา จัด Jabra Elite Sport

บรรพต วัฒนสมบัติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาร์ทีบี เทคโนโลยี จำกัด ตัวแทนจำหน่ายหูฟัง Jabra บอกว่า คนเริ่มใช้งานเทคโนโลยีมากขึ้น ได้สัมผัสว่า หูฟังบลูทูธ ทุกวันนี้มีคุณภาพที่ดี ให้พลังเสียงที่ดีกว่า ยิ่งตลาดการดูคอนเทนต์ Streaming, Youtube, Facebook LIVE กำลังมาแรง ยิ่งทำให้ตลาดหูฟังเติบโตขึ้น รวมถึงพฤติกรรมการออกกำลังกาย ที่กำลังเป็นที่นิยมในวงกว้างมาหลายปีติดต่อกัน ทำให้หูฟังด้านกีฬา มียอดขายที่เพิ่มขึ้น

ดังนั้น Jabra จึงจัดหูฟังด้านกีฬาโดยเฉพาะ เปิดตัว Jabra Elite Sport โดยมีแนวทางที่ว่า ถ้าหูฟังทำให้การออกกำลังกายสนุกขึ้น ได้สุขภาพที่ดีในระดับราคา 3,600 – 9,700 บาท ถือว่าเป็นสิ่งที่คุ้มค่า ซึ่งปัจจุบัน Jabra ถือเป็นแบรนด์อันดับต้นๆ ที่คนที่ชอบกีฬาจะนึกถึง และตั้งเป้าว่าปีนี้จะเป็นอันดับ 1 ในตลาดหูฟังด้านกีฬา

“Jabra จะทำให้ผู้ใช้ได้รู้วา่ ทำไมต้องซื้อหูฟังใหม่ที่มีคุณภาพดีแทนการใช้หูฟังที่แถมมากับมือถือ ทั้งเรื่อง Brand, Design และ Wearing Style มีส่วนสำคัญ และ Jabra ได้เพิ่มสิ่งที่แตกต่างคือ มี Application และ Censor ที่ช่วยการทำงานดียิ่งขึ้น”

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา