เศรษฐกิจปี 68 ใครเห็น ก็บอกว่า ‘เจ็บ’ แต่สำหรับบลูบิค กรุ๊ป (Bluebik) ที่ปรึกษาด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันและการประยุกต์ใช้ AI นี่เป็นเวลาที่บริษัทได้ย้ายจาก ตลาด mai เข้าไปซื้อขายในตลาด SET หลังผ่านเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ตอนนี้บลูบิค เปิดมาแล้วกว่า 11 ปี มีพนักงานกว่าพันคน และสามารถสร้างรายได้ได้จากหลากหลายธุรกิจของบริษัทลูก (เช่น Sauce Skills ที่ทำร่วมกับ THE STANDARD)
ที่สำคัญคือบริษัทสามารถโตได้ต่อเนื่องโดยเฉพาะปีที่ผ่านมา ที่ทำกำไรได้สูงสุดนับตั้งแต่เริ่มดำเนินงาน ที่ 314 ล้านบาท จึงเป็นทิศทางในการเข้าสู่ตลาด SET คราวนี้
พชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เล่าถึงแผนงานต่อจากนี้ว่ามีด้วยกัน 12 เรื่อง เช่น ปรับกระบวนทัพภายในให้เกิด staff utilization เพิ่มขึ้น, ปรับปรุงบริการให้สอดคล้องกับ megatrends, การ upsell และ cross-sell ร่วมกับบริการอื่น ๆ ที่มี, ทำ M&A เพื่อสร้าง inorganic growth, การทำ joint venture เพิ่มเติม, ผลักดันให้บริษัทในเครือเข้าระดมทุน ตลอดจนการลงทุนในตัวบุคลากร และอื่น ๆ
การเติบโตและกระโดดเข้า SET ในปีที่ท้าทายของ Bluebik
อย่างไรก็ตาม พชร มองว่าปี 2568 คือปีที่เต็มไปด้วยความท้าทาย ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและความขัดแย้งทั้งในและต่างประเทศจะทำให้บริษัทหันมามองเกมระยะสั้น
“ลูกค้าทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ายาก” พชร ยอมรับ “จากที่คุยกับหลาย ๆ คน สถานการณ์ปีนี้คล้ายกับปีที่แล้ว คือทุกอย่างชะลอตัวลง แต่ขนาดของปัญหาใหญ่กว่า” การชะลอการลงทุนในการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน จึงเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้
“ผลกระทบกับเราคือ เราต้องทำงานกันหนักขึ้น เช่น ปรับโครงสร้างภายใน เพิ่ม staff utilization จนถึงการหาตลาดใหม่ ๆ ให้ทุกอย่างมันยังบวกได้”
อย่างไรก็ตาม ถ้ามองภาพให้ไกลขึ้น พชรบอกว่า “การทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันยังคงเป็นกระแสหลักของการทำธุรกิจยุคใหม่ โดยเฉพาะการประยุกต์ใช้ AI ในภาคธุรกิจ ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น (First Wave)”
“เมื่อสถานการณ์ต่าง ๆ คลี่คลายหรือมีทิศทางที่ชัดเจน การลงทุนด้านเทคโนโลยีจะกลับมาดำเนินการตามปกติ”
พชร ยังมองในแง่ดีว่า ภายใต้เศรษฐกิจที่ซบเซาแบบนี้ จุดที่ได้เปรียบก็คือ “ลูกค้าจะไม่เสี่ยงให้บริษัทที่ไม่เชี่ยวชาญเข้าไปช่วยทำ transformation”
เป้าหมายถัดไปของ Bluebik
ในแง่ของกลยุทธ์ พชรเล่าว่า “บลูบิคพยายามทำบริการให้มีความเป็น end-to-end พูดง่าย ๆ คือครบวงจรในบริษัทเดียว ซึ่งตอนนี้ เราก็เป็นเจ้าเดียวในไทยที่สามารถทำได้ตั้งแต่วางกลยุทธ์ไปจนถึงระดับ deep tech”
ส่วนเป้าหมายในตลาดทุน พชร ตั้งเป้าว่า “บลูบิคจะต้องเข้าสู่ดัชนี SET100 ในช่วงเวลา 3 ปี”
หมายความว่าบริษัทจะต้องมีกำไรโตเท่าตัว ซึ่งพชรบอกว่าเป็นไปได้ หากมีการทำงานเพิ่มเติมทั้งปรับโครงสร้างต้นทุน ตลอดจนการเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุน
พชรมองอนาคตว่า “การเข้าสู่ SET จะช่วยเปิดโอกาสในหลาย ๆ เรื่อง เช่น การระดมทุนเพิ่มเติมในอนาคต เพราะการอยู่ใน SET ทำให้นักลงทุนสถาบันโดยเฉพาะต่างชาติมีข้อจำกัดในการเข้ามาลงทุนน้อยลง”
ในมุมของบลูบิค การเข้าสู่ SET ก็เป็นอีกหมุดหมายหนึ่งของการเติบโตเท่านั้น พชรทิ้งท้ายว่า สุดท้ายแล้ว “การเติบโตจริง ๆ มีจุดตั้งต้นมาจากแผนงานที่คิด ไปจนถึงงานที่ทำในทุก ๆ วัน”
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา