Bluebik คอนซัลต์ด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันที่ให้บริการคำปรึกษาธุรกิจและเทคโนโลยีเต็มรูปแบบ จัดงาน Bluebik Career Talk 2022 เมื่อวันที่ 2-3 เมษายนที่ผ่านมาแนะนำให้ผู้สนใจเข้าฟังถึงแนวทางของบริษัท และโอกาสใหม่ๆ ของคนทำงานจะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของ Bluebik ในอนาคต
คุณพชร อารยะการกุล CEO Bluebik เล่าถึงธุรกิจของ Bluebik ว่าภาพรวมคือที่ปรึกษาดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นแบบครบวงจร (end-to-end digital transformation consulting) ซึ่งหมายถึงบริษัทจะเข้าไปร่วมกับลูกค้าต่างๆ เพื่อเตรียมวางแผนปรับเปลี่ยนตั้งแต่ระดับธุรกิจที่ต้องมีการปรับปรุงกระบวนการทำงาน หรือสร้างธุรกิจใหม่ๆ ต่อยอดออกไป โดยมีทีมงานที่เชี่ยวชาญเข้าไปวิเคราะห์ธุรกิจ, สภาพตลาดโดยรวม, และคู่แข่งต่างๆ แล้วสร้างกลยุทธ์ขึ้นมา
Bluebik มีทีมงานด้านไอทีครบวงจร ตั้งแต่เทคโนโลยีที่ใช้งานกันทั่วไปจนถึงระดับ Deep Tech ที่ต้องการความเชี่ยวชาญเทคโนโลยีระดับสูง พร้อมด้วยการช่วยเหลือองค์กรในการทำตลาดสินค้าหรือบริการใหม่นั้น ทั้งด้านการตลาดและการสร้างแบรนด์
ปัจจุบัน Bluebik ทำงานกับองค์กรชั้นนำในประเทศ และองค์กรระดับภูมิภาค โดยตอนนี้มีบริษัทลูกคือ Bluebik Global เน้นการทำงานกับลูกค้าต่างชาติ และ Orbit ที่ร่วมทุนกับบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ (OR) เพื่อทำทรานส์ฟอร์เมชันให้กับกลุ่มOR และการหาโอกาสในการสร้างรายได้จากข้อมูลที่มี
การขยายตัวอย่างรวดเร็วของ Bluebik ทำให้บริษัทตั้งสำนักงานในไทยเองก็มี 3 สำนักงาน ในกรุงเทพฯ, ขอนแก่น, และเชียงใหม่ พร้อมกับสำนักงานเทคโนโลยีในเมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย
บริการของ Bluebik จึงแบ่งออกเป็นกลุ่มๆ ได้แก่
- Management Consulting: เป็นทีมงานที่เชี่ยวชาญด้านธุรกิจ, เศรษฐศาสตร์, บัญชี, หรือการเงิน ทำงานวางกลยุทธ์ให้กับองค์กรลูกค้าว่ามีจุดแข็งจุดอ่อนอย่างไร มีโอกาสอะไรที่จะสร้างธุรกิจใหม่ๆ ต่อยอดจากธุรกิจเดิม หรือการปรับปรุงการทำงานเพื่อเพิ่มผลกำไร เพื่อให้ผู้บริหารองค์กรเหล่านั้นมองเห็นว่าควรลงทุนอะไร และคาดหวังผลตอบแทนได้เพียงใด
- Software Development and Modernization: ทีมงานด้านเทคโนโลยีที่จะออกแบบและติดตั้งระบบว่าควรเป็นอย่างไรจึงรองรับธุรกิจได้จริง ที่ผ่านมาหลายระบบที่ Bluebik เข้าไปทำมีความสำคัญสูง มีผู้ใช้นับสิบล้านราย ทำให้ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญสูง หรือการวางระบบที่มีขายในตลาด เช่น CRM/ERP ที่ต้องอาศัยผู้ความช่วยเหลือในการวางระบบ
- Big Data & Advanced Analytics: ทีมงานวางระบบระดับ Deep Tech ที่ Bluebik มีทั้ง Data Engineer และ Data Scientist สร้างระบบ machine learning เพื่อนำข้อมูลมาตอบปัญหาทางธุรกิจ
- Business Implementation: ทีมงานวางแผนทั้งด้านการสร้างแบรนด์, ทำการตลาด, และการวางแผนลงสู่ตลาด (go-to-market strategy) เพื่อให้บริการใหม่ที่สร้างขึ้นมานั้นเข้าสู่ตลาดได้ดีขึ้น
- Strategic PMO: ทีมงานจัดการโครงการตลอดกระบวนการ ทีมงานนี้ยังเข้าไปดูแลเหตุการณ์สำคัญๆ ขององค์กรลูกค้า เช่น การควบรวมกิจการของสององค์กร หรือ การเปลี่ยนระบบคอร์ของธนาคารที่เป็นหัวใจสำคัญและต้องมีการประสานงานจำนวนมาก ตลอดจนการสร้างธุรกิจร่วมทุน (joint venture)
- Digital Uplift: บริการนำเทคโนดลยีดิจิทัลเข้าไปปรับปรุงองค์กรให้ประสิทธิภาพสูงขึ้น
ทั้งหมดนี้ทำให้ Bluebik เป็นบริษัทที่สามารถช่วยองค์กรต่างๆ ทรานส์ฟอร์มธุรกิจไปสู่ยุคใหม่ตั้งแต่ต้นจนจบ
แพลตฟอร์มสำหรับการเติบโตของทุกคน
ความโดดเด่นที่ทำให้ Bluebik เป็นบริษัทที่น่าร่วมงานด้วยแบ่งได้ 8 ด้าน ซึ่งแสดงให้เห็นว่า Bluebik เป็นแพลตฟอร์มสำหรับโอกาสในการเติบโตของทุกคน
เปิดโอกาสเติบโต
Bluebik เป็นบริษัทที่เติบโตสูงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เฉลี่ย 30-50% ทำให้พนักงานแต่ละคนมีพื้นที่ในการก้าวหน้าตามความสามารถ มีโอกาสได้เลื่อนตำแหน่งทันที เรียกว่ามีโอกาสเติบโตในหน้าที่การงานได้โดยไม่ต้องย้ายงาน
เลือกเส้นทางอาชีพได้หลากหลาย
Bluebik มีงานหลายด้าน ทั้งด้านเทคโนโลยีและธุรกิจ เปิดทางให้แต่ละคนปรับสายงานไปได้ตามความต้องการ เช่น คนเริ่มงานจากสายธุรกิจและต้องการปรับสายไปด้านเทคโนโลยีมากขึ้น หรือทำงานด้านเทคต้องการย้ายงานไปดูสายธุรกิจ หรือแม้แต่การย้ายข้ามไปยังบริษัทในเครือต่างๆ ก็มีโอกาสทำได้มากมายโดยไม่ต้องย้ายงาน
มีทางเลือกเป็นพันธมิตรกับบริษัท
การเติบโตใน Bluebik ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การเลื่อนตำแหน่งไปเรื่อยๆ แต่มีโอกาสที่จะมีส่วนร่วมเป็นหุ้นส่วนของบริษัทในช่องทางต่างๆ เช่น ก่อน Bluebik นำหุ้นเข้าตลาดหลักทรัพย์ก็มีพนักงานจำนวนหนึ่งได้รับหุ้นและสามารถทำกำไรจากความสำเร็จของบริษัทได้ ในอนาคตก็จะมีรูปแบบเพื่อให้พนักงานเพิ่มไปเรื่อยๆ เช่นการเปิดโอกาสให้ตั้งบริษัทและทาง Bluebik เข้าไปลงทุน
รวมข้อดีทั้งสตาร์ตอัพและบริษัทขนาดใหญ่
Bluebik มีลักษณะการทำงานที่ยืดหยุ่นเหมือนองค์กรสตาร์ทอัพ ขณะเดียวกันก็เป็นบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ที่มีความมั่นคง ลักษณะทั้งสองด้านทำให้คนทำงานใน Bluebik มีความยืดหยุ่น ปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วแต่ขณะเดียวกันก็ทำงานกับองค์กรใหญ่ๆ ที่มีความน่าเชื่อถือสูง อีกทั้งยังมีทีมคณะกรรมการบริษัทที่เป็นผู้บริหารระดับสูงจากบริษัทชั้นนำขนาดใหญ่ของประเทศ ที่ผ่านมาก็เคยมีการจัดงานให้พนักงานได้มีโอกาสพูดคุยปรึกษากับกรรมการโดยตรงอย่างใกล้ซึ่งเป็นโอกาสที่หาได้ยาก
บุคลากรมาก่อน People First
Bluebik ไม่ได้มองว่าการมาทำงานเป็นแค่เพื่อนร่วมงาน แต่เป็นสังคมที่อยู่ร่วมกันและเป็นเพื่อนกันจริงๆ ก่อนช่วง COVID บริษัทจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง รวมถึงออกแบบบรรยากาศในบริษัทให้พนักงานมีโอกาสได้พูดคุยกัน ให้การสนับสนุนกับความสนใจของพนักงาน เช่น จัดตั้งชมรมต่างๆ เพื่อให้พนักงานมีกิจกรรมร่วมกัน
โอกาสทำงานร่วมกับคนเก่ง
Bluebik รวมเอาคนเก่งๆ และเชี่ยวชาญด้านต่างๆ เอาไว้มากมาย ทั้งคนที่เคยทำงานกับบริษัทที่ปรึกษาระดับโลก, วิศวกรจากมหาวิทยาลัยชั้นนำ, หรือผู้ที่เคยแข่งขันได้รางวัลรายการใหญ่ๆ มาแล้ว การได้ทำงานร่วมกับคนเหล่านี้จะเปิดโอกาสให้เพื่อนร่วมงานได้พัฒนาตัวเองไปพร้อมกัน
ความท้าทายหลากหลาย
จากธุรกิจของ Bluebik ที่มีลูกค้าหลากหลายตั้งแต่ธนาคาร, ค้าปลีก, ไปจนถึงสตาร์ทอัพ ทำให้งานใน Bluebik มีความหลากหลายอย่างมาก เปิดโอกาสให้คนที่ต้องการค้นหาตัวเองว่าชอบงานสายใดเป็นพิเศษ สามารถทำงานข้ามสายระหว่างโปรเจคต่างๆ โดยไม่ต้องเปลี่ยนงาน
เปิดโอกาสเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่ยิ่งใหญ่
ที่ผ่านมา Bluebik เติบโตอย่างรวดเร็วและพนักงานมีส่วนร่วมกับความเปลี่ยนแปลงแต่ละครั้งของบริษัท เช่น การจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ คุณพชรระบุว่า Bluebik จะมีความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ต่อไปอีกในอนาคตให้พนักงานได้มีส่วนร่วมหากได้มาร่วมงานกันแน่นอน
งาน Bluebik Career Talk 2022 ครั้งนี้ทีมงาน Bluebik แนะนำสายงานต่างๆ ของบริษัทให้ผู้เข้าฟังได้รับรู้ว่างานในแต่ละวันที่แต่ละทีมต้องเจอเป็นอย่างไรบ้าง โดยวันแรกเป็นการแนะนำงานสายธุรกิจ
เริ่มจากงาน Management Consulting เป็นการเข้าไปแก้ปัญหาเชิงกลยุทธ์ หรือการวางแผนเพื่อสร้างความเติบโตให้ธุรกิจ ที่ผ่านมา Bluebik เคยเข้าไปวางแผนระบบLoyalty Program ให้กับองค์กรระดับประเทศ จนสามารถสร้างรายได้ให้กับองค์กรอย่างมหาศาล หรือการปรับเปลี่ยนธนาคารให้กลายเป็นธนาคารดิจิทัล ด้วยการวิเคราะห์ความต้องการผู้ใช้ว่าทำไมจึงไม่ใช้งานแอปพลิเคชั่นธนาคาร ต่อเนื่องไปจนถึงการออกแบบ UX/UI ให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้จนกระทั่งมีผู้ใช้เพิ่มขึ้นถึงระดับ 10 ล้านรายภายในเวลา 3 ปี
การทำงานของกลุ่มนี้ต้องทำงานร่วมกับผู้บริหารขององค์กรลูกค้าอย่างต่อเนื่อง และผู้ที่จะทำงานในสายนี้ต้องมีความสามารถในการวิเคราะห์ปัญหา เสนอแนวทางแก้ไข พร้อมกับสามารถสื่อสารให้ลูกค้าเข้าใจเพื่อให้เห็นภาพเดียวกัน
งาน Strategic PMO เป็นการจัดการตัวโครงการและประสานงานให้สำเร็จสมบูรณ์ โดยที่ผ่านมาทีมงานนี้ได้เข้าไปบริหารโครงการสำคัญๆ หลายโครงการ เช่น การวางระบบหลัก (Core System) ของธุรกิจการเงินหรือประกันภัย เพื่อให้โครงการสำเร็จภายในกรอบเวลาและงบประมาณ โดยบางโครงการอาจเป็นการให้คำปรึกษาตั้งแต่การการเลือกผู้ผลิตเทคโนโลยี
การทำงานของกลุ่มนี้มีตั้งแต่การสื่อสารกับลูกค้า จัดการโครงการให้อยู่ในงบประมาณพร้อมกับจัดการความเสี่ยงและปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น รวมถึงการติดตามความก้าวหน้าของโครงการ ผู้ทำงานในสายนี้ต้องมีความสามารถในการสื่อสาร สามารถเรียนรู้และช่วยเหลือแก้ปัญหา
งาน Marketing Transformation ให้บริการวางแผนการทำการตลาดควบคู่ไปกับการใช้เทคโนโลยีเพื่อตอบโจทย์ธุรกิจในยุคใหม่ เริ่มตั้งแต่การปรับโมเดลทางธุรกิจใหม่ ปรับแนวทางการทำการตลาดให้ใช้งานเทคโนโลยีได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทำให้คนทำงานในสายนี้จำเป็นต้องติดตามกระแสในสังคม พร้อมกับเข้าใจการใช้งานเทคโนโลยีเพื่อนำมาตอบโจทย์ธุรกิจ
ช่วงสุดท้ายของวันแรก คือทีม CRM Advisory & Solution เป็นการนำเทคโนโลยี CRM เช่น Salesforce มาปรับธุรกิจเพื่อให้จัดการได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดภาระงานธุรการที่เป็นงานซ้ำๆ โดยทีมต้องทำความเข้าใจในธุรกิจที่มักมีความต้องการต่างกันไปตามธรรมชาติของแต่ละธุรกิจ และสร้างระบบงานที่แก้ปัญหาได้ตรงจุด สามารถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ ทีมงานนี้มีทั้งฝั่งธุรกิจและฝั่งเทคนิคที่ช่วยปรับทั้งธุรกิจและ Implement โซลูชันให้ตอบโจทย์
วันที่สองเป็นการแนะนำงานในสายเทคโนโลยี โดยเริ่มจากทีม DX (Digital Excellence & Delivery) ให้บริการ 5 ด้านแก่องค์กรลูกค้า ได้แก่ การวางกลยุทธ์ด้านไอที, การวางสถาปัตยกรรมระบบไอที ปรับระบบให้ใช้งานคลาวด์ หรือปรับปรุงให้รองรับโหลดงานที่มากขึ้น, IT Capability Assessment ตรวจสอบความสามารถของไอทีองค์กรว่ายังมีจุดใดปรับปรุงได้บ้าง, DevOps ในทีมนี้มีทีมงานมาแนะนำงานในทีมอีก 3 สายงาน ได้แก่
- System Analyst (SA) เป็นผู้วิเคราะห์ความต้องการของธุรกิจและออกแบบเป็นสเปคของระบบ โดยต้องทำงานร่วมกับฝั่งนักพัฒนาวิเคราะห์หาปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น โดยหน้าที่ SA ต้องมีความสามารถทั้งด้านเทคนิคและ soft skill ไปพร้อมกัน
- Business Analyst (BA) เป็นผู้แปลงความต้องการของธุรกิจให้กลายเป็นความต้องการของระบบ โดยทำหน้าที่วิเคราะห์และต่อรองจัดการความต้องการต่างๆ ให้เหมาะสม เพื่อให้ฟีเจอร์สร้างคุณค่าให้กับธุรกิจจริงภายในงบประมาณ โดยต้องเป็นคนที่ทำงานร่วมกับทั้งลูกค้าและฝ่ายเทคนิค ช่วยมองแทนผู้เกี่ยวข้องว่าความต้องการต่างๆ อาจจะสร้างความเสี่ยงให้กับโครงการหรือไม่
- Software Engineer เป็นผู้รับ requirement จาก project manager และนำฟีเจอร์ต่างๆ มาอิมพลีเมนต์ เช่นในฝั่ง frontend ใช้งาน React สำหรับเว็บ และ React Native สำหรับแอป, Angular, และภาษา TypeScript กระบวนการทำงานมีการทำ code review เพื่อให้แนะนำโค้ดมาช่วยกันแนะนำปรับปรุง
ทีมงาน Advanced Insight เป็นทีมงานให้บริการด้านข้อมูลครบวงจร โดยเริ่มตั้งแต่ Data Consultant แนะนำการใช้ข้อมูลเพื่อสร้างประโยชน์ต่อธุรกิจ จากนั้นเป็นการสร้างแพลตฟอร์มข้อมูล โดยอาศัย Data Engineer และ Data Scientist สร้างกระบวนการใช้งานข้อมูลให้เป็นไปตามที่วางแผนไว้ จากนั้นมีควบคุมการใช้งานทั้งด้านความปลอดภัยและนโยบายการเข้าถึงให้เป็นไปตามการกำกับดูแลของแต่ละธุรกิจ ตัวอย่างงานที่ทีม AI เคยทำเช่น การช่วยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ดึงข้อมูลลูกค้าที่เคยติดต่อเข้ามาเพื่อให้บริษัทสามารถนำเสนอสินค้าได้อย่างเหมาะสม ส่งผลให้รายได้ต่อเดือนของบริษัทเพิ่มขึ้นถึงเท่าตัว
ทีม ERP Intelligence เป็นทีมให้คำปรึกษาการใช้งานซอฟต์แวร์ ERP ยอดนิยมอย่าง SAP โดยแนวทางของทีมจะเป็นการให้บริการ ERP Maximization คือการให้ธุรกิจสามารถใช้งานซอฟต์แวร์ได้อย่างคุ้มค่าที่สุด โดยเริ่มตั้งแต่การลดปัญหาการใช้งาน เช่น การปรับกระบวนการทำงานให้เป็นระบบอัตโนมัติ, ปรับเพิ่มประสิทธิภาพ, แก้ปัญหาบั๊กต่างๆ ที่เคยมีในระบบ, และปรับ UX/UI ให้ใช้งานได้ง่าย จากนั้นเชื่อม SAP เข้ากับ Social Media เช่น LINE หรือ Microsoft Teams
งานด้าน SAP แบ่งออกเป็นสองด้าน คือ SAP Consultant รับ requirement จากลูกค้ามาออกแบบ และ Developer เขียนโปรแกรมภาษา ABAP เพื่อ Implement ตาม requirement ที่ได้รับมา การทำงานในสายนี้ทำให้คนทำงานได้เรียนรู้ธุรกิจที่หลากหลาย
ช่วงท้ายของงาน Bluebik Career Talk 2022 ทางบริษัทเล่านโยบายการทำงานภายในของ Bluebik เป็น Open Door Policy เปิดให้พนักงานทุกคนมีโอกาสเข้าถึงผู้บริหารระดับสูง ในแง่ของการพัฒนาความสามารถพนักงาน Bluebik ลงทุนกับการพัฒนาพนักงานหลายรูปแบบ ทั้งการเทรนนิ่งภายในและภายนอก การแชร์ความรู้ระหว่างกัน ไปจนถึงการให้ทุนการศึกษาเต็มจำนวนให้กับพนักงาน สิทธิประโยชน์ของการทำงานกับ Bluebik ที่มีทั้ง ประกันสังคม, กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, ประกันชีวิต, ประกันอุบัติเหตุ, ประกันสุขภาพ, ประกันทันตกรรม และค่าตอบแทนที่แข่งขันได้
สำหรับคนที่มองหางานที่มีความหลากหลาย ทั้งในเส้นทางธุรกิจและเส้นทางเทคโนโลยี นี่คือโอกาสที่ดีอีกครั้งที่ไม่ควรพลาด สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม และการสมัครงานกับ Bluebik สามารถสมัครได้ที่ https://bluebik.com/career
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา