บลูบิค หรือ BBIK เตรียมเสนอขาย IPO เข้าตลาดหลักทรัพย์ในเดือนกันยายน 64

บมจ.บลูบิค กรุ๊ป โชว์ศักยภาพหุ้นคอนซัลต์ด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันตัวแรกในไทย ชูบริการที่ปรึกษาครบวงจร สะท้อนผลการดำเนินงานปี 2561 – 2563 และงวด 6 เดือนแรกปีนี้เติบโตก้าวกระโดด เตรียมเสนอขาย IPO 25 ล้านหุ้น เข้าตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ในเดือนกันยายนนี้ หลังได้รับอนุมัติ แบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์จาก ก...

bluebik

พชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK บอกว่า บริษัทที่ปรึกษาเป็นที่ต้องการมากขึ้นในองค์กรขนาดใหญ่ เพื่อช่วยเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันรองรับการเติบโตและตอบสนองความต้องการของลูกค้าในการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน โดยบลูบิค มีลูกค้าเป็นบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมต่างๆ จาก 4 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจการเงิน ประกันภัย เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และธุรกิจอื่นๆ อาทิ พลังงานและสาธารณูปโภค อาหารและเครื่องดื่ม เป็นต้น ทั้งที่เป็นบริษัทจดทะเบียนในกลุ่ม SET 50 และ SET 100 และบริษัทจำกัด โดยมี 5 บริการหลักตอบสนองความต้องการที่หลากหลาย ได้แก่ 

1. บริการให้คำปรึกษาด้านกลยุทธ์และการจัดการ (Management Consulting) โดยทำหน้าที่ค้นหาปัจจัยความสำเร็จทางธุรกิจให้แก่ลูกค้า กำหนดทิศทางกลยุทธ์ด้านต่างๆ วิเคราะห์ผลกระทบและโอกาสเชิงเศรษฐศาสตร์จากการนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้กับธุรกิจ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและเติบโตอย่างก้าวกระโดด (Exponential Growth)

2. บริการที่ปรึกษาการบริหารจัดการโครงการเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic PMO) โดยทำหน้าที่บริหารโครงการขนาดใหญ่ ที่มีความซับซ้อนสูงให้กับองค์กรขนาดใหญ่ และเข้าไปวางโครงสร้างระบบไอทีภายในองค์กร  

3. บริการพัฒนาระบบดิจิทัลและให้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยี (Digital Excellence and Delivery) โดยทำหน้าที่ให้คำปรึกษาเชิงลึกด้านดิจิทัลครบวงจรและพัฒนาเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับแต่ละองค์กร 

4. บริการที่ปรึกษาด้านการจัดการข้อมูลขนาดใหญ่และการวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูงด้วยปัญญาประดิษฐ์ (Big Data & Advanced Analytics) โดยทำหน้าที่ให้คำปรึกษาด้านการจัดการและวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ด้วย AI และให้คำแนะนำการวางโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูล เพื่อสร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจอย่างเป็นรูปธรรม  

5. บริการด้านทรัพยากรบุคคลชั่วคราวที่มีความเชี่ยวชาญด้านไอที (IT Staff Augmentation) โดยจัดหาพนักงานที่เชี่ยวชาญด้านไอที อาทิ โปรแกรมเมอร์ และนักพัฒนาซอฟต์แวร์ เพื่อปฏิบัติงานตามกำหนดระยะเวลาจนจบโครงการ

bluebik

ทั้งนี้ ประเมินว่าในปี 2564 ภาพรวมตลาดดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันในประเทศไทยจะมีมูลค่ารวม 280,000 ล้านบาท และเพิ่มเป็น 442,000 ล้านบาท ในปี 2568 ซึ่งจะมีผลต่อการเติบโตของ GDP เฉลี่ยปีละ 0.4% (อ้างอิงจากข้อมูลของไมโครซอฟท์และไอดีซี เอเชียแปซิฟิก) สอดคล้องกับทิศทางการขยายตัวของตลาดโลก ซึ่งในปี 2563 มีมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 469,800 ล้านเหรียญสหรัฐ และจะเพิ่มขึ้นเป็น 1,009,800 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2568 คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ย 16.5% ต่อปี (ข้อมูลจาก MarketsandMarkets) เนื่องจากบริษัทต่างๆ เห็นถึงความจำเป็นในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อ ปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานสู่ดิจิทัล ส่งผลให้การใช้งานระบบเชื่อมต่อข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ต (Internet of Things : IoT)  บิ๊กดาต้า และเทคโนโลยีคลาวด์ มีบทบาทสำคัญยิ่งขึ้น โดยมี COVID-19 เป็นตัวเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีในองค์กรเพื่อรับมือกับกระแสดิสรัปชันในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy)

บริษัทฯ จึงวางแผนขยายธุรกิจเพื่อการเติบโต เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายเป็นบริษัทคอนซัลต์ด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันชั้นนำแบบครบวงจร ได้แก่ 1. การเพิ่มบุคลากรและพัฒนาทักษะด้านเทคโนโลยี ตลอดจนวางแผนพัฒนาศูนย์การพัฒนาทักษะ (Learning Academy Center) 2. พัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านเทคโนโลยีและดิจิทัลเพื่อให้บริการซอฟต์แวร์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต (Software as a Service หรือ SaaS) รวมถึงจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ (Research and Development Center) 3. เสริมศักยภาพการบริหารจัดการภายใน ผ่านการยกระดับระบบซอฟต์แวร์เพื่อรองรับการเติบโตขององค์กร 4. ขยายพื้นที่สำนักงานรองรับการเพิ่มบุคลากร 5. ลงทุนในธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องและมีศักยภาพเพื่อสร้างการเติบโตและรับมือความผันผวนของตลาด และ 6. เสริมศักยภาพด้านเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน 

นอกจากการให้บริการที่ครบวงจร บริษัทฯ ยังเดินหน้าขยายความร่วมมือกับองค์กรชั้นนำในการนำเทคโนโลยีมาช่วย ทรานส์ฟอร์มองค์กร โดยล่าสุดได้ร่วมมือกับบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR จัดตั้งบริษัทร่วมทุนภายใต้ชื่อ บริษัท ออร์บิท ดิจิทัล จำกัด (ORBIT) เพื่อเติมเต็มนวัตกรรมและศักยภาพด้านดิจิทัลสู่การสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า ซึ่งมีการเพิ่มทุนจดทะเบียนของ ORBIT เป็น 50 ล้านบาท เพื่อยกระดับขีดความสามารถขององค์กรด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม สู่การเพิ่มมูลค่าและสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ให้กับ OR ในอนาคต รวมถึงยกระดับเป็นผู้นำด้านดิจิทัลในอุตสาหกรรมค้าปลีกนายพชร กล่าว

ศรีแพร ธนฐิติพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK กล่าวว่า บริษัทฯ มีผลการดำเนินงานปี 2561 – 2563 เติบโตก้าวกระโดด โดยมีรายได้จากการขายและบริการ 132.76 ล้านบาท 184.94 ล้านบาท และ 200.53 ล้านบาทตามลำดับ เติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) 22.90% และมีกำไรสุทธิ 19.22 ล้านบาท 31.71 ล้านบาท และ 44.29 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) 51.8% เนื่องจากได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าที่ต้องการทรานส์ฟอร์มธุรกิจสู่ดิจิทัลเพิ่มขึ้น 

ขณะที่ผลการดำเนินงาน 6 เดือนแรกปีนี้ มีรายได้จากการขายและบริการ 126.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.47% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีกำไรสุทธิ 30.06 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราส่วนกำไรสุทธิที่ 23.67% โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากการเติบโตของธุรกิจบริการที่ปรึกษาด้านการพัฒนาระบบดิจิทัลและให้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยี (Digital Excellence and Delivery) ธุรกิจบริการที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์และการจัดการ (Management Consulting) และธุรกิจที่ปรึกษาด้านการจัดการข้อมูลขนาดใหญ่และการวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูงด้วยปัญญาประดิษฐ์ (Big Data & Advanced Analytics) 

หลังจาก บมจ.บลูบิค กรุ๊ป ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (Filing) ต่อสำนักงาน ก... เพื่อขอเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 25 ล้านหุ้น  คิดเป็นร้อยละ 25 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนครั้งนี้ ปัจจุบันแบบ คำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์ได้รับการอนุมัติจากสำนักงาน ก...แล้ว หลังจากนี้จะร่วมกันกำหนดวันที่เหมาะสมในการเสนอขาย IPO และคาดว่าจะนำ บมจ.บลูบิค กรุ๊ป เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ภายในเดือนกันยายนนี้

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา