Bloomberg รายงานสถานการณ์การท่องเที่ยวในประเทศไทย หลังจากที่เปิดรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่สนใจเข้ามาท่องเที่ยวระยะยาวสูงสุด 9 เดือน หลังการกักตัว 14 วัน พบว่าไทยไม่ได้เป็นสวรรค์การท่องเที่ยวอีกแล้ว ในยุคที่โควิด-19 ระบาด นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้
นับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศไทย เมื่อช่วงต้นปี 2563 ที่ผ่านมา จนถึงวันนี้ก็เป็นเวลาเกือบๆ 1 ปีแล้ว ที่ประเทศไทยไม่ได้เปิดพรมแดนเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างเสรีเหมือนในอดีต
แม้ว่าในช่วงหลังที่สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยดีขึ้นตามลำดับ รัฐบาลก็มีนโยบายที่จะเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ต้องการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศในระยะยาวสูงสุด 9 เดือน โดยสามารถท่องเที่ยวได้อย่างอิสระหลังการกักตัว 14 วันภายในโรงแรมหรูระดับ 5 ดาวที่เข้าร่วมโครงการ
นักท่องเที่ยวระยะยาวมาน้อยกว่าที่คาดการณ์
Bloomberg ได้รายงานสถานการณ์การท่องเที่ยวในประเทศไทยว่า นับตั้งแต่ประเทศไทยเปิดรับนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาอยู่ในประเทศระยะยาว มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเฉลี่ยเพียง 346 คนต่อเดือนเท่านั้น จากที่ตั้งเป้าหมายรับนักท่องเที่ยวกว่า 1,200 คน ซึ่งนับว่าเป็นสัดส่วนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับจำนวนนักท่องเที่ยว 3 ล้านคน ที่เข้ามาก่อนที่จะเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในปีที่แล้ว
นอกจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาน้อยกว่าที่คาดการณ์แล้ว Bloomberg ยังบอกด้วยว่า ประเทศไทยต้องเผชิญกับความท้าทายของการสร้างความสมดุลระหว่างการกระตุ้นเศรษฐกิจ กับการปกป้องประชาชนภายในประเทศก่อนที่วัคซีนจะได้รับการฉีดในวงกว้าง
มาตรการดึงดูดนักท่องเที่ยวระยะยาวให้เข้ามาในประเทศไทย เป็นการดึงดูดนักท่องเที่ยวที่เป็นกลุ่มคนเกษียณอายุที่หนีอากาศหนาวจากยุโรป ยอมเข้ามากักตัว 14 วันในโรงแรมหรู ก่อนที่จะท่องเที่ยวในประเทศไทยได้นานสูงสุด 9 เดือน
อย่างไรก็ตามการดึงดูดนักท่องเที่ยวก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จมากนัก ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวยังคงได้รับผลกระทบอย่างมากจากสถานการณ์โควิด-19
ในปี 2019 ก่อนสถานการณ์โควิด-19 จะระบาด ประเทศไทยสร้างเม็ดเงินจากการท่องเที่ยวได้กว่า 6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1.79 แสนล้านบาท จากนักท่องเที่ยว 40 ล้านคนต่อปี
ธุรกิจเกี่ยวกับการท่องเที่ยวกระทบหนัก โรงแรมอัตราเข้าพักต่ำ
แต่ในปี 2020 สถานการณ์การท่องเที่ยวกลับเป็นไปในทางตรงกันข้าม ข้อมูลจาก Bloomberg รายงานว่าธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวปิดกิจการไปแล้ว 931 แห่ง แต่ความจริงแล้วธุรกิจเกี่ยวกับการท่องเที่ยวที่ปิดกิจการอาจมีมากกว่านั้น เพราะตัวเลขที่รวบรวมนับเฉพาะกิจการที่มีการขึ้นทะเบียนในฐานข้อมูล
สถานการณ์การท่องเที่ยวในพื้นที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากต่างชาติยิ่งได้รับผลกระทบหนักกว่าพื้นที่อื่นๆ ที่จังหวัดภูเก็ต ที่เม็ดเงินจากการท่องเที่ยวกว่า 90% มาจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ โรงแรมบางแห่งต้องลดค่าห้องพักลง 75% เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวชาวไทย จากที่ปกติกลุ่มลูกค้าหลักๆ เป็นนักท่องเที่ยวชาวอเมริกัน รัสเซีย และจีน แต่ถึงจะลดค่าห้องพักลงมากแล้ว แต่อัตราการเข้าพักกลับมีเพียง 10% เท่านั้น
สำหรับการท่องเที่ยวในประเทศไทยในภาพรวมนั้น Bloomberg ยังรายงานด้วยว่า มาตรการช่วยเหลือของรัฐบาลที่ให้เงินสมทบในโครงการเราเที่ยวด้วยกันเป็นส่วนลดค่าโรงแรม ร้านอาหาร การเดินทางภายในประเทศไม่เพียงพอที่จะทดแทนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่หายไป ทำให้อัตราการเข้าพักโรงแรมในประเทศอยู่ที่เพียง 34% เท่านั้น
ไม่ใช่แค่การท่องเที่ยวในประเทศจะไม่สามารถดึงดูให้คนไทยท่องเที่ยวในประเทศจนทดแทนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่หายไปได้เท่านั้น แต่การออกมาตรการหวังที่จะเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เข้ามาในประเทศไทยในระยะยาวก็ไม่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติได้
มัลดีฟส์รับนักท่องเที่ยวนับแสนเพราะไม่ต้องกักตัว 14 วัน
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะต้องกักตัว 14 วันภายในโรงแรม ก่อนที่จะสามารถท่องเที่ยวในประเทศได้ แต่ในขณะเดียวกันมัลดีฟส์ก็เปิดรับนักท่องเที่ยวให้เข้าไปในเกาะแล้วเช่นกัน โดยไม่ต้องกักตัว 14 วัน แต่ต้องมีผลการตรวจโควิด-19 รับรอง ซึ่งที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวเข้าไปในมัลดีฟส์แล้วกว่า 172,000 คน โดยจำนวนผู้ที่ติดโควิด-19 ก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นแต่อย่างใด
สาเหตุหนึ่งที่ทำให้มัลดีฟส์สามารถรับนักท่องเที่ยวได้โดยไม่จำเป็นต้องกักตัว 14 วัน เป็นเพราะพื้นที่ที่นักท่องเที่ยวอยู่ กับชาวบ้านในพื้นที่ค่อนข้างแยกส่วนกันอย่างชัดเจน แต่ในขณะที่ไทยการจะรับนักท่องเที่ยวเข้ามาก็ต้องคำนึงถึงคนท้องถิ่นด้วย
ที่ผ่านมาเคยมีการพูดคุยถึงความเป็นไปได้ในการลดระยะเวลากักตัวจาก 14 ให้เหลือ 10 วัน แต่สุดท้ายแล้วไม่ได้มีการปรับลดแต่อย่างใด เพราะความกังวลว่าจะทำให้ผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น
แต่อย่างไรก็ตามสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยก็กลับมามีการแพร่ระบาดในรอบใหม่ โดยเริ่มจากตลาดในจังหวัดสมุทรสาคร ทำให้มีผู้ติดเชื้อรวมแล้วกว่า 12,000 คน
ที่มา – Bloomberg
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา