ใครๆ ก็เอาใจทรัมป์!
ล่าสุด บริษัทด้านการจัดการการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง BlackRock ยังต้องเอาใจทรัมป์เหมือนกัน เข้าซื้อหุ้นของบริษัทที่ควบคุมท่าเรือคลองปานามา ตามที่ทรัมป์เคยบอกทีเล่นทีจริงว่าจะยึดคลองปานามาคืนให้ได้
และ BlackRock ก็ทำตามนั้น สำหรับท่าเรือที่ว่านี้ อยู่ภายใต้การดูแลของบริษัท CK Hutchison ของเศรษฐีชาวฮ่องกง Li Ka-shing บอกว่า น่าจะได้รับเงินจากการเข้าซื้อหุ้นดังกล่าวมากถึง 1.9 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 6.4 แสนล้านบาท
สำหรับบการเข้าซื้อหุ้นดังกล่าว บริษัท BlackRock และ Global Infrastructure และ Mediterranean Shipping นี้ เข้าซื้อหุ้นของบริษัท Hutchison Ports group ได้ 80% ดำเนินการท่าเรือ 43 แห่ง ใน 23 ประเทศ และยังรวมถึงการเข้าซื้อ Panama Ports Co อีก 90% ที่ทำท่าเรือ Balboa และ Cristobal ในคลองปานามาด้วย
การเข้าซื้อหุ้นดังกล่าวของ BlackRock ถือว่าเป็นการซื้อความปวดหัวว้าวุ่นใจของเศรษฐีฮ่องกง Li Ka-shing ได้ด้วย เพราะหลังจากที่ทรัมป์ประกาศว่าจะยึดคลองปานามาคืน Li Ka-shing ก็เริ่มถูกตรวจสอบทันที เนื่องจาก Hutchison Ports PPC เป็นหน่วยงานของบริษัทเรือธง CK Hutchison Holdings ของ Li ก็พร้อมให้ถูกตรวจสอบบัญชีเพื่อความโปร่งใส เพื่อแสดงความร่วมมือต่อสหรัฐอเมริกาภายใต้การนำของทรัมป์ด้วย
สำหรับการเข้าซื้อหุ้นดังกล่าว ถือเป็นข้อตกลงด้านโครงสร้างพื้นฐานที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของยักษ์ใหญ่ BlackRock หลังจากที่ก่อนหน้านี้ก็เพิ่งจะซื้อ GIP บริษัทที่เชี่ยวชาญด้านโครงสร้างพื้นฐานไปเมื่อปีที่แล้ว ซึ่ง Larry Fink ซีอีโอ BlackRock พูดถึงดีลซื้อหุ้น CK Hutchison ด้วยว่า ถือเป็นโอกาสครั้งใหญ่สำหรับบริษัทจัดการทรัพย์สิน ที่ทั้งสองฝ่ายต่างก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมานานแล้ว
ดีลที่ว่านี้ยังรวมถึงท่าเรือที่ทำเงินให้ CK Hutchison เมื่อครึ่งปีแรกของปีที่ผ่านมามากถึง 20% และยังเป็นธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ของบริษัทด้วย ซึ่งท่าเรือนอกจีนและฮ่องกงทำรายได้ประมาณ 2.3 พันล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 7.7 หมื่นล้านบาทช่วงครึ่งปีแรก โดยกำไรก่อนหักดอกเบี้ยอยู่ที่ 6.25 พันล้านฮ่องกงหรือประมาณ 2.8 หมื่นล้านบาท ขณะที่ท่าเรือทั่วเอเชีย ออสเตรเลีย ปานามา เม็กซิโก และตะวันออกกลางมีกำไรเพิ่มขึ้น 33% ในช่วงเวลานั้น
Hutchison ทำธุรกิจท่าเรือใน Balboa และ Cristobal ของปานามา และได้สัมปทานลงนามครั้งแรกในปี 1997 และปี 2021 ขยายจนถึงปี 2021 และขยายจนถึงปี 2047
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา