จากธุรกิจครอบครัวสู่ผู้นำตลาด ‘บางกอกเคเบิ้ล’ ผู้ผลิตสายไฟเบอร์ต้นของไทย

เมื่อ 60 ปีก่อน ธุรกิจผลิตสายไฟฟ้าของ ‘บางกอกเคเบิ้ล‘ ถือกำเนิดขึ้นจากฝีมือของคนในครอบครัว ก่อนจะเติบโตต่อเนื่องจนกลายเป็นผู้ผลิตสายไฟฟ้าที่มีกำลังการผลิตมากถึง 30% ขึ้นเป็นอันดับ 1 ของประเทศ โดยสายไฟฟ้าไม่ใช่แค่วัสดุ แต่เป็นเส้นเลือดใหญ่ของระบบโครงสร้างพื้นฐาน Brand Inside มีโอกาสได้ไปเยือนโรงงานของบางกอกเคเบิ้ลเลยอยากนำเรื่องราวมาเล่าต่อให้ทุกคนได้อ่านกัน

จากธุรกิจครอบครัว 60 ปีผ่านไป กลายเป็นพนักงานกว่าพันคน

ย้อนกลับหลายสิบปีก่อน ‘สายไฟฟ้าบางกอกเคเบิ้ล’ ก่อตั้งในประเทศไทยตั้งแต่เดือนสิงหาคมปี 2507 ด้วยทุนจดทะเบียนเพียง 4 ล้านบาท ก่อนจะก่อตั้งโรงงานแห่งแรกขึ้นในอำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ และขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องจนสามารถก่อสร้างโรงงานแห่งที่สองในอำเภอบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา

ระหว่างนั้นก็ได้เพิ่มกำลังการผลิตเรื่อยๆ ผ่านการติดตั้งเครื่องจักรต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องหุ้มสายไฟฟ้าขนาดต่างๆ เครื่องผลิตลวดทองแดง ไปจนถึงเปิดห้องปฏิบัติการทดสอบสายเคเบิ้ลภายใต้สภาวะเผาไหม้ และอาคารปฏิบัติการทดสอบทางไฟฟ้า รวมถึงการขยายครั้งสำคัญอย่างการเปิด Operation and Innovation Center ซึ่งถือเป็นโรงงานแห่งที่ 3 ในพื้นที่โรงงานฉะเชิงเทรา รวมพื้นที่ทั้งหมดกว่า 251 ไร่

ทำให้บริษัทสามารถเติบโตจากธุรกิจครอบครัวเล็กๆ กลายเป็นผู้นำตลาดผลิตสายไฟฟ้าที่มีส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 30% และมีพนักงานกว่า 1,250 คน

กำลังการผลิต 6 หมื่นตัน ครอบคลุมเกิน 80 ชนิด

‘พงศภัค นครศรี’ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานขายและการตลาด บริษัท สายไฟฟ้าบางกอกเคเบิ้ล จำกัด หรือ Bangkok Cable (BCC) เล่าว่า บางกอกเคเบิ้ล มีกำลังการผลิตสายไฟกว่า 60,000 ตันต่อปี ครอบคลุมผลิตภัณฑ์มากกว่า 80 ชนิด และสามารถปรับแต่งเฉพาะตามความต้องการได้ด้วย จึงนับเป็นพอร์ตฟอลิโอที่กว้างที่สุดในประเทศไทย เพราะสามารถรองรับความต้องการทุกกลุ่มลูกค้าถึง 7 กลุ่มการใช้งาน

นับจากช่วงสิ้นปี 2565 กำลังการผลิตรวมของบางกอกเคเบิ้ลเติบโตขึ้นมากกว่า 30% ต่อปี และครองตำแหน่งผู้ผลิตสายไฟรายใหญ่ที่มีกำลังการผลิตสูงที่สุดในประเทศ โดยในปี 2567 บางกอกเคเบิ้ลส่งมอบสายไฟไปทั้งสิ้นกว่า 50,000 ตัน หรือคิดเป็นความยาวสายไฟรวมกว่า 400,000 กิโลเมตร

โรงงานฉะเชิงเทรา ผลิตทุกขั้นตอน-ตรวจสอบคุณภาพ

‘โรงงานฉะเชิงเทรา’ เป็นโรงงานผลิตหลักที่มีกระบวนการผลิตครอบคลุมทุกขั้นตอน โดยกว่าจะมาเป็นสายไฟที่ใช้ในพื้นที่ต่างๆ ต้องผ่านกระบวนการผลิตหลักๆ ถึง 7 ขั้นตอน ได้แก่ 

  • การคัดสรรวัตถุดิบคุณภาพสูง (Raw Materials Selection)
  • การหลอมโลหะ (Copper & Aluminium Rod Production) 
  • การตีเกลียว (Standing Process) 
  • การหุ้มฉนวน (Insulation Process) 
  • การรวมแกน (Multicore Assembly) 
  • การเสริมความแข็งแรงและความปลอดภัย (Protection Enhancements)
  • การหุ้มเปลือกนอกและพิมพ์แบรนด์ (Sheathing & Label)
นอกจากขั้นตอนการผลิตหลักๆ แล้ว บางกอกเคเบิ้ลยังได้สร้าง ห้องปฏิบัติการทดสอบสายไฟภายใต้สภาวะเผาไหม้ (Fire Testing Lab) แห่งแรกของประเทศไทยตั้งแต่ปี 2543 และล่าสุดยังได้จัดตั้ง ห้องปฏิบัติการสายไฟฟ้าแรงดันสูงพิเศษ (Extra High Voltage Lab) ที่สามารถจำลองการใช้งานไฟฟ้าระดับ 700 kV และกระแสสูงถึง 6,000 A ได้ เพื่อให้แน่ใจว่าสายไฟที่ผลิตออกไปมีความแม่นยำและปลอดภัยตามมาตรฐานวิศวกรรม

อนาคตยุคพลังงานสะอาด ‘สายไฟ’ จะยิ่งสำคัญ

ปัจจุบัน บางกอกเคเบิ้ล มีสายไฟครอบคลุมทั้งสายไฟฟ้าแรงดันต่ำ สายไฟฟ้าแรงดันปานกลาง สายไฟฟ้าแรงดันสูง สายไฟฟ้าแรงดันสูงพิเศษ สายเปลือย สายโซลาร์เซลล์ สายคอนโทรลและสายสัญญาณ รวมถึงผลิตภัณฑ์สายทนไฟ ซึ่งออกแบบมาตอบรับความต้องการใช้งานเน้นที่ความปลอดภัย

โดยในปี 2567 ที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้ 16,865 ล้านบาท เติบโตขึ้นกว่า 30% จากปีก่อนหน้า และมีกำไรสุทธิกว่า 1,262 ล้านบาท เติบโต 68% จากปีก่อนหน้าเช่นเดียวกัน

โดย ‘พงศภัทร’ บอกว่า ในวันที่ประเทศไทยเดินหน้าเปลี่ยนผ่านสู่ยุคพลังงานสะอาด พลังงานทางเลือก และการเติบโตของเมืองอัจฉริยะ ‘สายไฟ’ จะยิ่งมีบทบาทสำคัญมากขึ้น และบางกอกเคเบิ้ลพร้อมเป็นเส้นเลือดสำคัญของระบบพลังงานไทย ที่ไม่เพียงเชื่อมต่อพลังงานเท่านั้น แต่เชื่อมต่อความเชื่อมั่น ความปลอดภัย และอนาคตที่ยั่งยืนของผู้คนทั่วประเทศด้วย

ปัจจุบัน มีลูกค้าโครงการขนาดใหญ่ของทั้งภาครัฐและเอกชนจำนวนมากที่ใช้สายไฟฟ้าของบางกอกเคเบิ้ล ตั้งแต่โครงการวัน แบงค็อก (One Bangkok) สนามบินสุวรรณภูมิ เฟส 2 โครงการสายไฟฟ้าใต้ดิน รถไฟฟ้าสายสีชมพู โครงการรถไฟทางคู่สายตะวันออก และโครงการพลังงานแสงอาทิตย์แบบลอยน้ำ เขื่อนอุบลรัตน์ 

นอกจากนี้ บริษัทยังมีส่วนสนับสนุนโครงการ ASEAN Power Grid โดยเฉพาะโครงการไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนหลวงพระบาง (Luang Prabang Hydropower Project) ในประเทศลาวด้วย

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา