Bitazza Thailand เปิดโปรเจกต์ Bitazza DigiPay เพิ่มศักยภาพท่องเที่ยวไทยสู่ยุคดิจิทัลเต็มรูปแบบ

Bitazza Thailand เปิด 2 โปรเจกต์ใหม่ ดึง B2C2 รองรับการขยายบริการ และเสริมสภาพคล่องให้กับตลาดสถาบัน และ “Bitazza DigiPay” เจาะกลุ่มเป้าหมายนักท่องเที่ยวต่างชาติ เชื่อมโยงการชำระเงินผ่านสินทรัพย์ดิจิทัล สู่การใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ร่วมผลักดันไทยสู่ TouristDigiPay

ธนวัต สุตันติวรคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทาซซ่า จำกัด

ผนึกกำลัง B2C2 เสริมสภาพคล่องระดับสถาบัน

Bitazza Thailand นายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับใบอนุญาตอย่างเป็นทางการในประเทศไทย และ B2C2 ผู้นำระดับโลกด้านการให้สภาพคล่องสำหรับสินทรัพย์ดิจิทัล ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างยั่งยืนภายใต้กรอบกำกับดูแลในประเทศไทย

ภายใต้ความร่วมมือนี้ B2C2 จะเป็นผู้ให้บริการสภาพคล่องหลักแก่ Bitazza Thailand พร้อมร่วมดำเนินโครงการพัฒนาธุรกิจและการเติบโตในหลายด้าน โดยความร่วมมือนี้จะช่วยให้ Bitazza Thailand สามารถขยายบริการในตลาดสถาบันได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ผ่านบริการสภาพคล่องระดับโฮลเซล การจัดการด้านเครดิต และการสนับสนุนด้านโครงสร้างพื้นฐานและโครงการในอนาคต โดยบริษัท B2C2 ก่อตั้งขึ้นในปี 2558 และมี SBI Holdings เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ เป็นที่ยอมรับในระดับโลกในฐานะผู้บุกเบิกตลาดสภาพคล่องและการเทรด OTC สำหรับสินทรัพย์ดิจิทัลระดับสถาบัน ให้บริการสภาพคล่องตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน รวมถึงบริการโซลูชันทางการเงินสำหรับลูกค้าสถาบัน อาทิ ธนาคาร บริษัทหลักทรัพย์ และผู้ออกโทเคนสเตเบิลคอยน์ เป็นต้น

ความร่วมมือในครั้งนี้สะท้อนถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่องของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งกำลังเปลี่ยนผ่านจากการมีส่วนร่วมของนักลงทุนรายย่อยไปสู่การมีบทบาทมากขึ้นของนักลงทุนสถาบัน โดยประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 17 ของโลกด้านการยอมรับสินทรัพย์ดิจิทัล (Crypto Adoption) ซึ่งแสดงถึงความพร้อมของประเทศในการเข้าสู่การเติบโตในระดับสถาบันอย่างเต็มรูปแบบ ปัจจุบัน Bitazza Thailand ให้บริการซื้อขายกว่า 120 คู่เหรียญ ที่รองรับไทยบาท ตลอด 6 ปีที่ผ่านมามียอดซื้อขายสะสมมากกว่า 535,000 ล้านบาท

พร้อมเปิดโปรเจกต์ “Bitazza DigiPay” เชื่อมสินทรัพย์ดิจิทัล สู่การใช้จ่ายจริง

นอกจากความร่วมมือกับ B2C2 แล้ว ธนวัต สุตันติวรคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทาซซ่า จำกัด ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า จากนโยบายของโครงการ TouristDigiPay จากธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ที่มีความตั้งใจให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติสามารถแปลงสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นเงินบาทและชำระเงินผ่านระบบ QR Code ได้ทั่วประเทศไทย ภายใต้ความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจระดับประเทศ

“Bitazza Thailand พร้อมพัฒนาการชำระเงินดังกล่าวในรูปแบบนี้ ซึ่งสะท้อนความพร้อม การเติบโตบริษัทฯ และถือเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญในเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทย ที่ภาคเอกชนไทยเริ่มมีบทบาทอย่างเป็นรูปธรรมในการเชื่อมต่อเทคโนโลยีการเงินกับชีวิตจริงของผู้คน”

โดยบริษัทมีความร่วมกับผู้ให้บริการ E-money ที่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องได้พัฒนา Bitazza DigiPay เป็นนวัตกรรมชำระเงินที่เชื่อมต่อระหว่างโลกสินทรัพย์ดิจิทัลกับการใช้จ่ายจริงในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติให้สามารถแปลงสินทรัพย์ดิจิทัลที่ถือครองเป็นเงินบาท และชำระเงินผ่าน QR Code ได้ทั่วประเทศอย่างสะดวก ปลอดภัย และถูกต้องตามกฎหมาย

นอกจากนี้ยังเตรียมพร้อมจับมือพันธมิตรหลากหลายภาคส่วน ทั้งห้างสรรพสินค้า โรงแรม ธุรกิจท่องเที่ยว และร้านค้าทั่วประเทศ เพื่อร่วมสร้างระบบเศรษฐกิจดิจิทัลที่ครบวงจร อีกก้าวของไทยสู่ยุค “เศรษฐกิจการท่องเที่ยวเชิงดิจิทัล (Digital Tourism Economy)” อย่างแท้จริง

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา