เศรษฐกิจขนาดใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกากำลังจะพบกับหายนะเหมือนกัน เพราะอัตราการเกิดมีแนวโน้มลดต่ำลงเป็นประวัติการณ์ ในขณะที่ญี่ปุ่นและไทยนำหน้าไปก่อนแล้ว แถมยังจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุในอีกไม่ช้า
อัตราการเกิดต่ำ ทำแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ แย่แน่
อ้างอิงจากศูนย์ข้อมูลการควบคุมโรคในสหรัฐอเมริกา พบว่า อัตราการเจริญพันธุ์ในสหรัฐฯ มีระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ในปี 2016 มีอัตราการเกิดต่ำกว่าปี 2015 ถึง 1% ตัวเลขอาจดูน้อยแต่ถ้าดูที่จำนวนผู้หญิงในวัย 15 – 44 ปี พบว่า ในจำนวนนี้มีอัตราการเจริญพันธุ์อยู่ที่ 62 คน ต่อ 1,000 คนเท่านั้น
อัตราการเกิดที่ต่ำลงนี้ เป็นสัญญาณถึงเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มจะชะลอตัว ผู้เชี่ยวชาญด้านแนวโน้มทางประชากรศาสตร์ ถึงกับบอกว่า “อัตราการเกิดที่ลดลงนี้เป็นสัญญาณถึงจุดเริ่มต้นของหายนะทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะสหรัฐฯ ที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่”
ทีนี้ พอไปดูที่คนรุ่นใหม่หรือที่เรียกกันว่ากลุ่ม Millennials ในสหรัฐฯ ก็พบว่า คนกลุ่มนี้เลือกจำเป็นต้องเลือกที่จะทำงานมากกว่าจะสร้างครอบครัวและมีลูกเหมือนในอดีต นั่นเพราะว่า มีภาระที่ต้องแบกรับไม่ว่าจะเป็นความต้องการในความก้าวหน้าของอาชีพ หรือหนี้ที่มาจากการกู้ยืมเรียนในมหาวิทยาลัย ด้วยภาระเหล่านี้ทำให้คนรุ่นใหม่ในสหรัฐฯ ไม่สามารถเลือกทำทั้ง 2 อย่างคือ มีลูกและทำงานหาเงิน แต่ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง และแน่นอนด้วยความจำเป็นทางเศรษฐกิจ “งานคือเงิน เงินคืองาน บันดาลสุข” ย่อมมาก่อนปัจจัยอื่นทั้งปวง
ทางออกก็ไม่ใช่อะไรอื่น นักประชากรศาสตร์ ระบุว่า “รัฐเพียงต้องส่งนโยบายที่เหมาะกับการสร้างครอบครัวมากขึ้น หากต้องการเพิ่มอัตราการเจริญพันธุ์”
Richard Jackson ประธานกลุ่สถาบันวิจัยไม่แสวงหาผลกำไร บอกไว้ว่า ประเทศที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในเรื่องการงานและครอบครัว คือการปรับบทบาทของผู้หญิง ถ้าเป็นแม่ก็สามารถทำงานได้ด้วย ประเทศที่ทำสิ่งเหล่านี้มีอัตราการเจริญพันธุ์สูงขึ้น เพราะผู้หญิงสามารถทำงานได้มากขึ้นนั่นเอง
ขยายความกันอีกสักนิดคือ ภายใต้สภาวะเศรษฐกิจที่มีความเหลื่อมล้ำสูงอย่างในสหรัฐอเมริกา ทางออกของปัญหานี้จึงต้องเป็นการให้สิทธิพิเศษบางอย่างกับผู้หญิงที่ต้องการมีลูก เช่น สิทธิการลางานไปเลี้ยงลูก สิทธิการลาคลอดที่เหมาะสม หรือในขณะเดียวกัน ในแง่นี้ก็รวมถึงผู้ชายด้วย หากผู้ชายต้องการปรับบทบาทไปเป็น “พ่อบ้านเลี้ยงลูก” ก็ต้องสามารถทำได้ในโลกศตวรรษที่ 21 แต่สิ่งสำคัญคือ รัฐต้องมองให้เห็นปัญหาการงานและการมีลูกของคนรุ่นใหม่ตรงนี้เสียก่อน
ไม่ใช่แค่สหรัฐฯ ญี่ปุ่น-ไทยนำมาก่อน แต่ไทยดูท่าจะแย่กว่า
ในญี่ปุ่นก็คล้ายกับไทยคือ กำลังจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ฉะนั้นเศรษฐกิจจะชะลอตัวลงจากการผลิตที่ต่ำลงแน่นอนอยู่แล้ว เพราะผู้สูงอายุมีจำนวนมาก ในขณะที่อัตราการเกิดน้อยลง นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่า แนวโน้มประชากรในญี่ปุ่นลักษณะนี้เปรียบเสมือนระเบิดเวลาและจะส่งผลไปในยังประเทศข้างเคียงอย่างแน่นอน
สำหรับประเทศไทย เรากำลังจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุในไม่ช้า อัตราการเกิดที่ต่ำของไทยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความจำเป็นเศรษฐกิจ ทำให้ทั้งในปัจจุบันและอนาคตอันใกล้ (อาจจะระยะยาวด้วย) เราจะขาดแคลนแรงงานรุ่นใหม่ในหลายภาคธุรกิจ โดยเฉพาะภาคการผลิต แต่ตอนนี้สิ่งที่รัฐไทยกำลังทำคือ “กีดกันแรงงานต่างชาติ” เป็นต้นว่า พ.ร.ก. การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 จนล่าสุดต้องออกมาใช้ ม. 44 ในการชะลอการใช้กฎหมายนี้ไป 120 วัน
สิ่งนี้สะท้อนว่ารัฐไทยมีสายตาที่สั้นและคับแคบ เพราะยังมองไม่เห็นปัญหาที่จะเกิดขึ้นจากการ(กำลังจะ)ขาดแคลนแรงงานในภาคการผลิตจากอย่างน้อยสองปัจจัยคือ อัตราการเกิดต่ำและการก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ เศรษฐกิจไทยจะไปทางไหน ถ้ารัฐไทยยังเดินหน้ากีดกันแรงงานต่างชาติ
เชื่อว่า ประชาชนชาวไทยน่าจะพอมองเห็นอนาคตของตัวเองกันแล้วใช่ไหม?
อ้างอิง – Business Insider
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา