ตลาดอาหารเสริมมูลค่ากว่า 90,000 ล้านบาทของไทยกำลังร้อนระอุขึ้นอีกครั้ง เมื่อแบรนด์น้องใหม่ระดับโลกอย่าง BioActive+ เข้ามาสร้างแรงสั่นสะเทือนด้วยยอดขาย 921 ล้านบาทในเวลาเพียง 4 เดือน พร้อมประกาศเป้าหมายสิ้นปี 2568 ที่ 1,500 ล้านบาท และวิสัยทัศน์ไกลถึง 20,000 ล้านบาทใน 5 ปี
ปรากฏการณ์นี้เป็นผลมาจากการวางกลยุทธ์ การอ่านเทรนด์ผู้บริโภค และการทุ่มงบประมาณการตลาดอย่างถูกต้อง Brand Inside ชวนมาวิเคราะห์เบื้องหลังก้าวแรกสู่ความสำเร็จของ BioActive+ ที่กำลังจะขึ้นมาเป็นผู้เล่นคนสำคัญในตลาด Functional Health
เจาะตลาดด้วยนวัตกรรม “ดื่มง่าย ดูดซึมเร็ว”
หัวใจสำคัญที่ทำให้ BioActive+ แตกต่าง คือการชูผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Concentrated Liquid Supplement หรืออาหารเสริมรูปแบบน้ำเข้มข้น ที่ตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ซึ่งต้องการความสะดวก รวดเร็ว และเห็นผลลัพธ์ชัดเจน ท่ามกลางไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบ
เพียง 4 เดือนหลังเปิดตัว (5 พ.ค. – 9 ก.ย. 68) แบรนด์สามารถสร้างยอดขาย 921 ล้านบาท จากการจำหน่ายสินค้ากว่า 1.54 ล้านกล่อง หรือคิดเป็นกว่า 15 ล้านหลอด เฉลี่ยแล้วมียอดขายนาทีละ 84 หลอด ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าผลิตภัณฑ์ได้รับการยอมรับจากตลาดอย่างรวดเร็ว ความสำเร็จนี้มาจากผลิตภัณฑ์ 4 สูตรแรกที่เปิดตัว ซึ่งครอบคลุมความต้องการหลักของผู้บริโภค ทั้งด้านผิวพรรณและการชะลอวัย ได้แก่
- Concentrated Liquid Collagen: เพื่อโครงสร้างผิว
- Concentrated Liquid Asta Drink: เพื่อปกป้องผิวและพลังงาน
- Concentrated Liquid Gold: เพื่อต่อต้านอนุมูลอิสระ
- Concentrated Liquid Gluta: เพื่อผิวกระจ่างใส
กลยุทธ์การตลาด 360° ปูพรมสร้างแบรนด์ ปิดการขายด้วย TikTok
นอกจากผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่น BioActive+ ทำการตลาดที่ใช้งบประมาณ 10-15% ของเป้ายอดขาย มาสร้างการรับรู้แบบครบวงจร
- สร้างแบรนด์พรีเมียม วางตำแหน่งเป็น Premium Liquid Supplement และใช้ “คิมเบอร์ลี่ แอน โวลเทมัส” เป็นพรีเซนเตอร์สูตร Gold เพื่อสะท้อนภาพลักษณ์หรูหราและเชื่อมโยงความเป็นแบรนด์ระดับโลก
- ทุ่มงบแคมเปญใหญ่ สร้างกระแสผ่านแคมเปญ “Paint the Town RED” ด้วยงบกว่า 30 ล้านบาท ผ่านสื่อนอกบ้านใจกลางเมือง เช่น LED ตึกใบหยก และสร้างความร่วมมือกับ EM District และแบรนด์สกินแคร์ระดับโลกอย่าง Kiehl’s เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายที่มีกำลังซื้อ
- ใช้ TikTok เป็นหัวหอก กลยุทธ์ที่น่าสนใจที่สุดคือการใช้ TikTok Shop เป็นช่องทางสร้างยอดขายหลัก ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 50% ของยอดขายทั้งหมด โดยใช้โมเดล “ปักตะกร้า” ผ่าน Affiliate Marketing ที่สามารถเปลี่ยนการรับรู้ไปสู่การตัดสินใจซื้อ (Conversion) ได้อย่างรวดเร็ว ส่วนอีก 30% มาจากช่องทางออนไลน์อื่น ๆ และ 20% มาจากช่องทางออฟไลน์
เบื้องหลังความแกร่ง จากโรงงาน OEM สู่ Global Brand ของตัวเอง
ความสำเร็จของ BioActive+ เริ่มจากการเตรียมตัวมานานกว่า 2 ปี ภายใต้การนำของ บริษัท ไบโอแอคทีฟ เอ็นแซต 1984 จำกัด โดยมีผู้บริหารมากประสบการณ์อยู่เบื้องหลัง
วาสนา อินทะแสง ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารที่คลุกคลีในวงการ Health & Beauty มานาน กล่าวว่า “เรามุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ดีที่สุด ด้วยนวัตกรรม เทคโนโลยีชีวภาพ และการวิจัยเชิงลึก เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด”
สิ่งที่ทำให้ BioActive+ มีความพร้อมในการเป็นแบรนด์ระดับโลก คือการร่วมทุนกับโรงงานในนิวซีแลนด์ โดยบริษัทถือหุ้น 55% ทำให้ได้ Know-how และมาตรฐานการผลิตที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล นอกจากนี้ยังมีฐานการผลิตในไทยและสหรัฐอเมริกาอีกด้วย
แบรนด์นี้ถือเป็นแบรนด์แรกที่ Revomed Group ซึ่งเป็นบริษัทแม่และโรงงานผู้ผลิต OEM ที่มีประสบการณ์ 7-8 ปี ตัดสินใจลงมาทำตลาดเองอย่างเต็มตัว หลังจากก่อนหน้านี้เคยประสบปัญหาด้านการเก็บหนี้สิน แม้ธุรกิจจะทำกำไรได้ดีก็ตาม การลงมาคุมตลาดเองครั้งนี้จึงเป็นหมุดหมายสำคัญในการสร้างความยั่งยืน และตั้งเป้าให้ Revomed Group กลับมามีผลประกอบการเป็นบวกในปีนี้ ด้วยเป้ารวมทั้งกลุ่มที่ 3,500 ล้านบาท
บุก 7-Eleven ขยายสู่ต่างประเทศ และเป้าหมาย 2 หมื่นล้าน
ในช่วง 4 เดือนสุดท้ายของปี 2568 BioActive+ ยังคงเดินหน้าเต็มกำลัง โดยมีแผนจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่อีก 3 SKUs และขยายช่องทางจำหน่ายสู่ Omnichannel อย่างเต็มรูปแบบ
ไฮไลท์สำคัญคือการเตรียมวางจำหน่ายสินค้าในร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ในเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งจะทำให้แบรนด์เข้าถึงผู้บริโภคในวงกว้างขึ้นอย่างก้าวกระโดด ควบคู่ไปกับการใช้ Data-Driven Marketing เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลและทำแคมเปญที่เจาะจงเฉพาะบุคคล (Personalization) มากขึ้น
ในภาพใหญ่ BioActive+ ไม่ได้มองแค่ตลาดในประเทศ แต่ตั้งเป้าขยายสู่ตลาดต่างประเทศ โดยเริ่มที่จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ในช่วงไตรมาส 4 ปี 2568 ก่อนจะบุกตลาดยุโรปในไตรมาสแรกของปี 2569
สุทธิรักษ์ ทรัพย์วิจิตร ผู้ร่วมก่อตั้ง เสริมว่า “BioActive+ ไม่ได้เป็นเพียงแบรนด์อาหารเสริม แต่เป็นแบรนด์ที่ช่วยสร้างไลฟ์สไตล์สุขภาพที่ยั่งยืน”
จากเป้าหมาย 1,500 ล้านบาท (หรืออาจแตะ 2,000 ล้านบาท) ในสิ้นปีนี้ สู่เป้าหมายที่ท้าทายอย่างยิ่งคือ 20,000 ล้านบาทใน 5 ปี ถือเป็นการประกาศตัวที่น่าจับตา และเป็นการบ้านชิ้นใหญ่ที่ต้องพิสูจน์ว่า นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ กลยุทธ์การตลาดที่เฉียบคม และวิสัยทัศน์ของผู้บริหาร จะสามารถผลักดันให้ BioActive+ ก้าวจากผู้เล่นหน้าใหม่ สู่การเป็น Key Player แถวหน้าของโลกได้สำเร็จหรือไม่
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา