‘อินเดีย’ ยังคงเนื้อหอมอย่างต่อเนื่องในสายตา Big Tech เพราะภายในไม่ถึง 24 ชั่วโมง Microsoft และ Amazon ประกาศลงทุนรวมกว่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ หรือราว 1.58 ล้านล้านบาท

ทำให้ภาพยิ่งชัดขึ้นว่า อินเดียกำลังก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในศูนย์กลางสำคัญของ AI และคลาวด์ในภูมิภาคเอเชีย
Big Tech ต่อแถวลงทุนอินเดียท่วมๆ
Microsoft เป็นรายแรกที่ทุ่มเงิน 1.75 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ หรือเกือบ 5.55 แสนล้านบาทในช่วง 4 ปี เพื่อสร้างดาต้าเซ็นเตอร์ รองรับงาน AI และขยายบริการ Azure ให้องค์กรในประเทศใช้งานได้เต็มรูปแบบ
นักวิเคราะห์มองว่า มูลค่าการลงทุนระดับนี้ทำให้ Microsoft ได้เปรียบอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะด้านดาต้าเซ็นเตอร์ที่ต้องใช้ GPU จำนวนมากสำหรับงาน AI รุ่นใหม่ๆ
ไม่นานหลังจากนั้น Amazon ก็ประกาศแผนใหญ่ไม่แพ้กัน ด้วยการลงทุน 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ หรือราว 1.11 ล้านล้านบาทภายใน 5 ปี ครอบคลุมตั้งแต่การขยายธุรกิจ ความสามารถด้าน AI การช่วยเพิ่มการส่งออก ไปจนถึงการสร้างงานในอินเดีย
โดยเงินก้อนนี้ ต่อยอดจากที่ Amazon ลงทุนไปแล้วกว่า 4 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ หรือกว่า 1.27 ล้านล้านบาท
Google เองก็กำลังเดินหน้าเตรียมลงทุนประมาณ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ หรือประมาณ 4.75 แสนล้านบาท เพื่อสร้างดาต้าเซ็นเตอร์ทางตอนใต้ของอินเดีย พร้อมจับมือกับ Accel เพื่อผลักดันสตาร์ทอัปด้าน AI
ส่วนบริษัทอย่าง OpenAI และ Perplexity ก็เลือกใช้วิธีเปิดให้ชาวอินเดียใช้งานเครื่องมือฟรี เพื่อเร่งสร้างฐานผู้ใช้
ตลาดใหญ่ คนเก่ง โครงสร้างดี
หนึ่งในเหตุผลที่อินเดียดึงดูด Big Tech มากเป็นพิเศษ คือประเทศมีบุคลากรด้านเทคโนโลยีจำนวนมาก และคุณภาพสูงกว่าหลายประเทศ
‘สแตนฟอร์ด’ จัดให้อินเดียติด 4 อันดับโลกในด้าน ‘AI Vibrancy’ หรือ ความเคลื่อนไหวและศักยภาพของระบบนิเวศ AI ซึ่งเป็นการวัดทั้งด้านงานวิจัย การพัฒนาเครื่องมือ จำนวนบุคลากร ไปจนถึงความสนใจของภาคเอกชน
‘อินเดีย’ อยู่ในกลุ่มเดียวกับสหรัฐอเมริกา จีน และสหราชอาณาจักร
นอกจากนั้น ‘GitHub’ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มรวมโค้ด และชุมชนนักพัฒนาขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ยังจัดให้อินเดียเป็นประเทศที่มีสัดส่วนโปรเจกต์มากที่สุดถึง 24%
สะท้อนว่า ประเทศมีฐานนักพัฒนาแข็งแรงและพร้อมรองรับอุตสาหกรรม AI เติบโตแบบก้าวกระโดด
รัฐบาลอินเดียเองก็มองว่า จุดแข็งของประเทศไม่ได้อยู่ที่การสร้างโมเดล AI ขนาดใหญ่แข่งกับสหรัฐฯ หรือจีน
แต่คือความสามารถในการสร้าง ‘แอปพลิเคชัน AI’ ที่ตอบโจทย์การใช้งานจริงในองค์กรและภาครัฐ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่สร้างรายได้มากที่สุดของอุตสาหกรรม AI และเป็นสิ่งที่อินเดียถนัดอยู่แล้ว
ด้านโครงสร้างพื้นฐาน อินเดียได้เปรียบกว่าหลายประเทศในเอเชีย เพราะยังมีพื้นที่รองรับการสร้างดาต้าเซ็นเตอร์อีกมาก ต้นทุนไฟฟ้าถูกกว่า และพลังงานหมุนเวียนเติบโตเร็ว ซึ่งเหมาะกับงานดาต้าเซ็นเตอร์ที่ใช้พลังงานสูง
ความต้องการภายในประเทศก็ช่วยกระตุ้น
ความต้องการในประเทศเองก็เพิ่มไม่หยุด ทั้งจากอีคอมเมิร์ซ การใช้งานดิจิทัลในชีวิตประจำวัน และความเป็นไปได้ของกฎการเก็บข้อมูลในประเทศที่ทำให้ต้องสร้างดาต้าเซ็นเตอร์เพิ่มขึ้นอีก
ไม่เพียงเท่านั้น Intel ก็เข้ามาเสริมภาพนี้ชัดเจน ด้วยการร่วมมือกับ Tata Group เพื่อผลักดันอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของอินเดีย มูลค่าราว 1 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ หรือประมาณ 3.17 แสนล้านบาท เพื่อสร้างอุตสาหกรรมชิปภายในประเทศ ลดการพึ่งพาการนำเข้า และเสริมความมั่นคงด้านเทคโนโลยี
การทุ่มเงินของ Big Tech ครั้งนี้ ทำให้ ‘อินเดีย’ เริ่มถูกจับตาว่า กำลังก้าวจากตลาดผู้ใช้ขนาดใหญ่ ไปสู่การเป็นศูนย์กลาง AI และคลาวด์ระดับโลก ที่ทั้งบริษัทเทค และผู้เชี่ยวชาญต่างต้องการเข้ามาจับจองพื้นที่ก่อนใคร
และในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า อินเดียอาจเป็นหนึ่งในประเทศที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในสนามแข่งขัน AI ของโลก
- ญี่ปุ่นเร่งดึง Tech Talent จากอินเดีย ยกระดับเศรษฐกิจเทคโนโลยี-แก้ปัญหาขาดแคลนแรงงานทักษะสูง
- อินเดียเนื้อหอมต่อเนื่อง Samsung เตรียมเพิ่มการผลิตในประเทศ ลุยตลาดสมาร์ทโฟน-แล็ปท็อป
- อินเดียแซงจีน ขึ้นแท่นประเทศผู้ผลิต iPhone ส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกามากที่สุดในโลก
ที่มา: CNBC, The Wall Street Journal
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา